Posted on Leave a comment

การใช้รังสียูวีซี (UVC) ในการฆ่าเชื้อโควิด 19

COVID-19 ใครว่ามันสูญพันธ์ มัน มีการพัฒนาการสายพันธ์ ใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ

เทคโนโลยี UV-C กับการฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสโควิด ( COVID-19 )

ณ วันนี้ วันที่ 22 สิงหาคม 2564 วันที่ผมกำลังเขียนบทความเรื่อง UV-C นี้ การระบาดละลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ยังไม่มีท่าทางว่าจะดีขึ้น

ในประเทศไทยเรา ยังมียอดผู้ติดเชื้อโดยประมาณวันละ สองหมื่นคนติดต่อกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว และนั่นคือสิ่งที่ทำให้วงการอุตสาหกรรมการแพทย์ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว !!  ทุกฝ่ายต่างมุ่งมั่นสรรหาเทคโนโลยีเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสร้ายชนิดนี้ และหนึ่งในเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อโรคที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงเวลานี้ คือ UV-C หรือ เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต เพราะสิ่งนี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีทำความสะอาด และฆ่าเชื้อที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับวัตถุ หรือพื้นผิวโดยตรงของผู้ใช้งาน เพราะเพียงแค่สาดแสงลงไป รังสีจากแสง UV-C ก็สามารถทำลาย DNA ของเชื้อโรค และทำให้เชื้อโรคค่อยๆตายไปได้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ ด้วยคุณสมบัติของรังสีอัลตราไวโอเลต หรือแสง UV ที่เป็นสเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมีความถี่ที่สูงกว่าช่วงของแสงที่ตาของคนเราจะมองเห็นได้ปกติ โดยแสง UV-C เป็นแสงในกลุ่ม UV ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการกำจัดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก หรือเชื้อโรคต่าง ๆ

UV-C คืออะไร

รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือ UV เป็นรังสีตามธรรมชาติที่อยู่ในแสงอาทิตย์ มีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ UV-A, UV-B และ UV-C เราอาจจะคุ้นหูกับ UV-A และ UV-B เนื่องจากรังสีทั้ง 2 ชนิดนั้นสามารถเดินทางผ่านชั้นโอโซนมายังโลก และสามารถมาทำร้ายผิวของเราได้ (รังสี 2 ตัวนี้ วันนี้เราจะข้ามมันไปก่อน !) วันนี้ เราจะมาพูดถึง UV-C เพียงอย่างเดียวก่อน เพราะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เรานำมาใช้ฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสโควิท-19 ในขณะนี้

การติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ แบบติดตั้งเพดาน Philip UVC Upper Air ในห้องทำงาน ห้องประชุม
การติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ Philips UVC Upper Air ในร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ

การฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด C หรือที่เรียกว่า UV-C นั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เทคโนโลยีนี้ ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2435 หรือประมาณ 129 ปีแล้ว โดยการทดลองของ มาร์แชล วาร์ด (Marshall Ward) ที่พยายามหาวิธีกำจัดแบคทีเรียโดยการใช้รังสีดังกล่าว แต่เทคโนโลยีนี้เพิ่งเป็นที่รู้จักและเริ่มใช้งานกันอย่างแพร่หลายในโรงพยาบาล หลังมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือที่รู้เราจักกันดีในชื่อ โรคซาร์ส (SARS) ในช่วง พ.ศ. 2545 และโรคเมอร์ส (MERS) เมื่อ พ.ศ. 2555 

UV-C คือรังสีอัลตราไวโอเลต ที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 200-280 นาโนเมตร เป็นรังสีที่โดยธรรมชาติปกติ จะไม่สามารถเดินทางผ่านชั้นโอโซนลงมายังโลกได้ เนื่องจากมีความยาวคลื่นที่สั้นกว่ารังสี UV-A และรังสี UV-B เนื่องจากรังสีทั้ง 2 สามารถเดินทางผ่านชั้นโอโซนมายังโลกและสามารถทำร้ายผิวกายของเราได้ ทำให้ก่อนหน้านี้เราจึงไม่ค่อยได้ยินชื่อ UV-C ในการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก เพราะเรามัวไปกังวลเรื่องรังสี UV-A, UV-B ที่มาทำลายผิวเราซะมากกว่า  แต่ในความจริงแล้ว รังสี UV-C นั้นกลับกลายเป็นรังสีที่มีบทบาทสำคัญในการฆ่าเชื้อโรค และในวงการการแพทย์อย่างมาก ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของมันเอง เพราะมันมีพลังงานมากกว่า รังสี UV-A และ UV-B อย่างมากมาย และมันยังมีความสามารถในการทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเชื้อโรคต่างๆ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส (แต่ฆ่าสปอร์ของเชื้อราไม่ดีเท่าไร) เมื่อเชื้อถูกทำลาย DNA ทำให้ เชื้อต่างๆ เหล่านี้พิการไม่สามารถขยายตัวต่อไปได้ และตายไปในที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปUV-C  ที่นำมาใช้ฆ่าเชื้อโรค ได้ถูกประดิษฐ์ออกมาเป็นหลอด UV-C Lamp ที่ความยาวคลื่น 253.7 nm (นาโนเมตร) ** (แต่ทำไมชาวบ้าน รวมๆ เรียกเหมาเป็น 254 nm ก็ไม่รู้) ไม่ว่าจะเป็นหลอดแบบ TUV T5,T8  หรือหลอด LED UV-C

รูปตัวอย่าง Diagram การบำบัด และฆ่าเชื้อโรคในอากาศห้อง ด้วย UVC ร่วมกับ HVAC ( Credit รูปภาพจาก พญ.จริยา แสงสัจจา)

ปัจจุบันมีผลการวิจัยมากมาย ทั้งจากสถาบันการศึกษาและโรงพยาบาล พิสูจน์ได้ว่า UV-C มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.99% โดยเชื้อโรคเหล่านั้น มีตั้งแต่ ไข้หวัด 2009 (H1-N1) เชื้อวัณโรค (TB) สารก่อภูมิแพ้หอบหืด รวมถึงเชื้อก่อโรคโควิด-19 ที่กำลังเป็นโรคระบาดรุนแรงในปัจจุบัน ทั้งนี้ UVC สามารถฆ่าเชื้อโรคทั้งที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ บนพื้นผิวทั่วไป และในน้ำได้เป็นอย่างดี จึงมีข้อได้เปรียบกว่าการฆ่าเชื้อโรคแบบวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดพ่นสารเคมี การเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ทั้งในแง่ของความสะดวกในการใช้งาน การใช้เวลาทำความสะอาดเพียงไม่กี่นาที สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ และที่สำคัญคือ ไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายไว้หลังการใช้งาน จึงมีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้

ตู้อบฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC ( Philips UV-C Disinfection Chamber)

** ข้อควรระวัง :  การใช้แสงรังสี UV-C  นั้น แม้จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ต้องระมัดระวังหากนำไปใช้ไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรใช้แสง UV ในการฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายมนุษย์  มีข่าวว่ามีผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์เอา UV-C lamp ที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ มาวางบนโต๊ะตรงกลางห้อง ในขณะที่มีคนอยู่ในห้องนั้น เป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่รอบๆ บริเวณโต๊ะวาง UV-C นั้นเกิดอาการระคายเคืองผิวหน้า เยื่อบุตา มีอาการหน้าแดง ตาแดง แสบตา เคืองตาไปตาม ๆ กัน ซึ่งหากแสงส่องโดนผิวหนังโดยตรงๆ บ่อยๆ อาจทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลาย และมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนัง และหากแสงสาดเข้ามาในดวงตา อาจทำให้ตาอาจเป็นต้อ หรือเกิดความผิดปกติได้ จากการโดนรังสีทำลายกระจกกับเลนส์ตา 

การใช้งานอุปกรณ์ UV-C ทำได้หลายวิธี

มีหลายวิธี ที่สามาถนำเอาแสงรังสี UV-C มาประกอบใช้งานให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการฆ่าเชื้อโรค ดังเช่น Philips ผู้นำด้าน UV-C ได้ทำออกมาดังนี้

เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ แบบตั้งพื้นเคลื่อนย้ายได้ Philips UVC Air Disinfection Unit (ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ)
  • ใช้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ โดยนำอุปกรณ์ UV-C ไปติดบนเพดานห้อง หรือติดที่ฝาผนัง หรือเหนือประตู โดยวิธีนี้จะสามารถเปิดใช้งานแสงรังสี UV-C ให้ฉายไปทั้งห้อง เฉพาะในเวลาที่ไม่มีคน และสัตว์เลี้ยงอยู่ในห้อง เช่นการใช้อุปกรณ์ Philips UVC Batten (Open Fixture) ฉายแสงในห้อง หรือฉายจากเพดานลงสู่พื้น
การติดตั้งชุด UVC ฺBatten แบบมีเซ็นเซอร์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้องน้ำ (คนเปิดประตูเข้ามา UVC ดับ คนออกไป UVC ทำงานต่อ)
  • ใช้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ และพื้นผิววัสดุ โดยใช้ Philips UV-C Trolley ชุดล้อเลื่อน UV-C ฆ่าเชื้อโรค หรือ Philips UV-C Desktop Disinfection Lamp (Open Fixture)  ที่เคลื่อนย้ายไปมาตามจุดต่างๆ ในห้อง ของบ้านหรืออาคารได้ ตั้งเวลาฆ่าเชื้อโรค โดยทั้ง 2 อุปกรณ์นี้ ต้องเปิดใช้งานในเวลาที่ไม่มีคนหรือสัตว์เลี้ยง อยู่ในห้อง
ส่งมอบล้อเลื่อนฆ่าเชื้อโรค Philips UVC Trolley เพื่อใช้ฆ่าเชื้อโรค ในห้องต่างๆ ของโรงพยาบาล
  • ใช้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ โดยนำอุปกรณ์ UV-C ไปติดบนเพดานห้อง หรือติดที่ฝาผนัง หรือเหนือประตู โดยฉายแสงไปด้านบนของห้องให้ส่องขึ้น เช่นการใช้อุปกรณ์ Philips UV-C Upper Air Disinfection Ceiling Mounted และ UV-C Upper Air Wall Mounted ที่ออกแบบให้แสงรังสี UV-C สาดไปในอากาศ แต่มีครีบพิเศษ ทีี่ช่วยบังแสงด้านความปลอดภัย ไม่เข้าตา (Close Fixture) ทำให้เราสามารถอยู่ในห้องได้ แม้ขณะเปิดเครื่อง UV-C ให้ทำงาน
Philips UV-C Upper Air Wall Mounted Type and Ceiling Type
  • ใช้ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ โดยนำอุปกรณ์ UV-C แบบปิด Philips UV-C Air Disinfection Unit (Close Fixture) รูปร่างคล้ายๆ เครื่องฟอกอากาศทั่วไป (แต่ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศ) นำไปตั้งบนพื้น ให้พัดลมดูดอากาศเข้ามาหมุนเวียนในห้องหมุนวนอากาศที่มีหลอด UV-C ติดตั้งอยู่ 4 หลอด แล้วให้อากาศไหลผ่านออกไป UV-C Air Disinfection Unit นี้ สามารถเปิดใช้งานได้แม้ขณะที่มีคนอยู่ในห้อง เหมาะสำหรับออฟฟิศ รถทัวร์ รถบัส รถ X-Ray เคลื่อนที่ และสถานที่สุ่มเสี่ยงการติดเชื้อโรคทางเดินหายใจ ที่มีคนอยู่มากๆ
เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ด้วย UVC แบบตั้งพื้น ( Philips UVC Disinfection Air Unit)
  • การออกแบบ ขึ้นโครง และ นำหลอดไฟ UV-C ไปติดบริเวณหน้า AHU ของระบบปรับอากาศของอาคาร แบบนี้เหมาะสำหรับอาคารที่เป็นระบบ Air รวม จ่าย Air ไปทั่วทั้งตึก จะช่วยให้แผง AHU สะอาด ไม่เป็นเมือก และฆ่าเชื้อโรคในอากาศจากในอาคารที่ไหลเวียนกลับเข้ามายังห้อง AHU ทำให้อากาศสะอาด และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า
การติดตั้งชุด UVC for AHU เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่หน้าแผงคอล์ยเย็นของ AHU ของระบบแอร์รวม อาคารขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า
  • ฆ่าเชื้อบริเวณพื้นผิว (Surface Disinfectant) เอกสาร สิ่งของ สร้อยคอทองคำ แหวน นาฬิกา เครื่องประดับ กุญแจ โทรศัพท์มือถือ อาหารแห้ง ขวดนมลูก ยา ตลอดจนภาชนะต่างๆที่ใช้ใส่อาหาร โดยใช้ตู้อบ UV-C Chamber (Close Fixture)  ใส่สิ่งของต่างๆ ที่แห้ง ไม่เปียกน้ำ ใส่เข้าไปในตู้ ตั้งเวลาที่กำหนด เมื่อครบเวลาตาม Contact Time ก็นำออกมาใช้ได้ ไม่มีความร้อน
ตู้อบยูวีซี ฆ่าเชื้อโรค ( Philips UVC Disinfection Chamber )
  • ฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ในของเหลว ใช้ในการผลิตน้ำดื่ม น้ำผลไม้ ฆ่าเชื้อโรคในน้ำตู้เลี้ยงปลา อันนี้ UV-C จะถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุพิเศษที่ทนทานต่อรังสี UV-C แต่ไม่บดบังการเปล่งแสง และสามารถกันน้ำได้

        นอกจากนี้  เทคโนโลยีฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ยังถูกนำไปใช้กับการวิจัยอื่นๆ อีก ดังเช่นมีข่าวรายงานว่า ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ได้ทดลองการฆ่าเชื้อด้วยการฉายรังสี UV-C ลงไปที่หน้ากาก N95 วัตถุประสงค์เพื่อนำหน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยกลับมาใช้ซ้ำ ผลการทดสอบปรากฏว่า ในการฉายรังสี UV-C เป็นเวลา 30 นาที สามารถทำลายเชื้อ COVID-19 และยังทำลายเชื้อแบคทีเรีย ที่สะสมอยู่ในหน้ากากได้และยังพบว่าเส้นใยของหน้ากากอนามัยไม่เสียหายจนเสียประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรคอีกด้วย !

ตู้อบ ฆ่าเชืิ้อโรคด้วยรังสี UV-C ขนาดเล็ก สำหรับใช้ในบ้านพักอาศัยทั่วไป คอนโดมิเนียม ร้านค้าขนาดเล็ก

UV-C จัดว่าเป็นเทคโนโลยีสำหรับการฆ่าเชื้อโรคที่มีข้อดี/ข้อได้เปรียบ คือ ราคาถูก ลงทุนน้อย ฆ่าเชื้อโรคได้เกือบทุกชนิด ประหยัดพลังงาน ยกระดับคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor air quality) ลดมลพิษในอากาศ เช่น สารอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile organic compounds, VOCs) ซึ่งบางชนิดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ และยังสามารถใช้ได้หลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย (Residential building) ไปถึงอาคารพานิชย์ (Commercial building) โดยเฉพาะ โรงพยาบาล โรงแรม โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ยา และวัคซีน เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับหน่วยงานที่งบประมาณน้อย ได้เข้าถึงเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพได้

        และสุดท้ายนี้ มีตำแนะนำ เพื่อให้เทคโนโลยี UV-C ฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ใช้งาน UV-C ควรให้ความสำคัญเครื่องมือ UV-C ดูคู่มือการใช้งาน ดูค่าความเข้ม (Density) ของแสง UV-C  ตั้งระยะเวลาที่เชื้อโรคสัมผัส (Contact time) กับแสง UV-C และระยะห่าง (Distance) การจัดวางของวัตถุและหรือพื้นผิว ที่จะทำการฉายแสง UV-C ให้เหมาะสมกับเชื้อโรคชนิดต่างๆ ผู้ใช้ควรศึกษาข้อควรระวัง การบำรุงรักษาจากคู่มือการใช้งาน รูปแบบการติดตั้ง สถานที่ติดตั้งหรือใช้งาน ควรคำนึงถึงปัจจัยที่อาจจะมีผลต่อประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อโรค รวมถึงมาตรการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบุคลากรที่มีโอกาสไปสัมผัสแสง UV-C  ด้วย

สนใจอุปกรณ์ UV-C Philips ติดต่อคุณกัมปนาถ

บริการ ออกแบบ และติดตั้ง เครื่องฆ่าเชื้อ และเจอจางเชื้อในอากาศ ด้วยรังสี UVC (UVGi) แบบติดตั้งฝาผนัง และแบบติดตั้งเพดาน ตามรายละเอียดคำแนะนำของ ASHRAE EPIDEMIC TASK FORCE (Update 21 October 2021)

(UV-C Installer & Instructor) Hotline: 097-1524554  id Line : Lphotline

Philips UV-C Instruction & Installation Certificate

บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

Hotline: 097-1524554

Line : Lphotline

Office Tel. 02-9294345-6

Email: LPCentermail@gmail.com

www.Lifeprotect.co.th

Posted on

HEPA FILTER คืออะไร ?

เริ่มต้นทำความรู้จัก HEPA FILTER

ด้วยสถานการณ์ โรค COVID-19 ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก แม้ ณ.วันนี้ วันที่ 17 ตุลาคม 2563 ตัวเลขการตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยถือว่าต่ำมาก ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการติดเชื้อกันอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ ทำให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป ต่างก็หาทางป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค โดยเฉพาะภายในอาคารสถานที่ต่างๆ ที่ต้องนำเอาอากาศสะอาด (Fresh Air) เข้ามาใช้หมุนเวียน เช่นภายในอาคาร บ้านเรือน สำนักงาน และโรงพยาบาล หรือแม้แต่คลินิกทางการแพทย์  จึงทำให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากในวงการระบบระบายอากาศ  (Air Ventilation System) และระบบการกรองหรือฟอกอากาศ (Air Purification System)  ทีนี้ในระบบการระบายอากาศ หรือการฟอกอากาศ ชัดเจนอยู่แล้วว่าการจะทำให้อากาศสะอาดได้นั้น มันก็ต้องมี ตัวกรอง (Filter) คำถามต่อไปเกิดขึ้นว่า…แล้วตัวกรอง หรือ Filter แบบไหนล่ะ ถึงจะกรองเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสในอากาศได้อย่างดีที่สุด มันก็เลยเกิดคำว่า “ เฮ็ปป้า ฟิลเตอร์ หรือ  เฮป้า ฟิลเตอร์ ” ( HEPA Filter )  ที่เราได้ยิน ได้เห็นกันบ่อยๆ ในช่วงนี้

H13 HEPA Filter สำหรับเครื่องดูดละอองฝอยนอกช่องปาก EOS
เครื่องฟอกอากาศกำลังสูง ใช้ในทางการแพทย์ แบบเคลื่อนย้ายได้ (H13 HEPA FILTER + UV-C)

HEPA Filter คืออะไร

เฮ็ปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA FILTER) คือ แผ่นกรองอากาศ ย่อมาจากคำว่า “ High Efficiency Particulate Air Filter = ตัวย่อ HEPA HEPA FILTER มีการใช้ในเชิงพานิชย์มาตั้งแต่ในปี 1950 HEPA FILTER จัดเป็น แผ่นกรองอากาศคุณภาพ ความละเอียดสูง มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศมากว่าแผ่นกรองอากาศทั่วๆไป โดย HEPA FILTER ถักทอทำขึ้นมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เส้นเล็กๆมากๆ ที่ถักทอไปมาแบบสุ่ม จัดเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่ละเอียดยิบๆ จนทำให้มีเส่นผ่านศูนย์กลางของใยทอ 0.5 – 2.0 ไมครอน มีความความแน่น และมีความสามารถในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ (Small Particles) และสามารถกรองอากาศ กรองฝุ่นผงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ่กรองเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส และ ละอองเกสรดอกไม้ ที่ล่องลอยในอากาศ ได้เป็นอย่างดี

กลไกหลักของ HEPA FILTER มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบคือ

  1. Interception จะเกิดขึ้นเมื่ออนุภาคสารปนเปื้อนผ่านในระยะที่เท่ากับรัศมีหนึ่งของอนุภาคของเส้นใย ทำให้อนุภาคสัมผัสกับเส้นใย และถูกจับออกจากการไหลของอากาศ ถ้าระยะของอนุภาคไกลเกินกว่ารัศมีอนุภาคจากเส้นใยจะไม่ถูกขัง
  2. Impaction เกิดขึ้นเมื่ออนุภาคที่มีขนาดใหญ่ไม่สามารถที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอากาศเมื่อเข้าใกล้เส้นใยกรอง ทำให้ติดอยู่บนเส้นใย
  3. Diffusion ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของอนุภาคก๊าซ อนุภาคขนาดเล็ก (ปกติ 0.1 ไมโครเมตรหรือน้อยกว่า) มีแนวโน้มที่จะเดินทางไปในรูปแบบผิดปกติทำให้การเคลื่อนไหวแบบสุ่มที่ การเคลื่อนที่ที่ผิดปกตินี้ทำให้อนุภาคสารปนเปื้อนติดอยู่ในเส้นใย

ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นในสมัยปัจจุบัน ใช้แผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER เป็นส่วนหนึ่งของระบบกรองฝุ่น เพราะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้ ชุดกรอง HEPA FILTER จะทำการดักจับอนุภาคละเอียด เช่นละอองเกสร และฝุ่นที่เป็นอุจจาระจากตัวไรฝุ่น ซึ่งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด สำหรับแผ่นกรอง HEPA FILTER ในเครื่องดูดฝุ่น มีการออกแบบให้เหมาะสมรูปทรงเข้ากับเครื่องดูดฝุ่นของแต่ละรุ่น เพื่อให้ฝุ่นที่อยู่ในอากาศที่ดูดเข้ามาในเครื่องจะผ่านตัวกรองนี้ แล้วทำการดักจับจะไม่ให้ฝุ่นละอองรั่วไหลผ่านออกไป แต่ถ้าไม่ใช้ HEPA FILTER คอยกรองไว้ เครื่องดูดฝุ่นบางเครื่องเวลาดูดฝุ่นเข้ามาแล้ว ฝุ่นยังคงมีการกระจายออกมานอกเครื่องดูดฝุ่นได้

H13 HEPA FILTER สำหรับเครื่องฟอกอากาศในห้องทันตกรรม

ประโยชน์ของแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER

ประโยชน์หลักๆ ของ HEPA FILTER คือความสามารถในการช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ ด้วยการสกัดกั้นสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งสกปรกที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ให้เวียนกลับเข้าไปสู่บรรยากาศ ส่งผลดีให้กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคที่อาจมีสาเหตุจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย อีกด้วย

จะบอกให้ว่า..การที่จะมาเป็น HEPA Filter นี้ ไม่ได้มาเป็นกันได้ง่ายๆนะครับ เพราะต้องได้มาตรฐานในการรับรองประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งถูกพัฒนาโดยกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา (DOE) ซึ่งได้กำหนดว่า แผ่นกรองอากาศที่จะได้ชื่อว่าเป็นแผ่นกรองอากาศระดับ HEPA FILTER นี้ จะต้องมีความสามารถในการกรองฝุ่น และฝอยละอองที่มีขนาดอนุภาคใหญ่กว่า อนุภาคขนาด 0.30 ไมครอนได้ (จะต้องกรองอากาศ จากอากาศที่ผ่าน ได้ 99.97% ของอนุภาคที่มีขนาด 0.30 ไมครอน) ซึ่งมาตรฐานนี้ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยกระทรวงพลังงานของประเทศสหรัฐอเมริกา สรุปชัดๆ คือแผ่นกรองอากาศ ต้องสามารถกรองอนุภาคที่เล็กมากๆได้ในระดับที่เชื้อโรคต่างๆ เช่นเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ต่างๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เมื่อถูกระบบดูดอากาศ ของเครื่องฟอกอากาศดูดเข้ามาผ่านกรองอากาศ HEPA FILTER นี้แล้ว เชื้อโรคต่างๆ จะไม่สามารถเล็ดลอดผ่านแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER ออกไปข้างนอกได้ จะมีแต่เพียงอากาศที่สะอาดเท่านั้น ที่สามารถผ่านแผ่นกรองอากาศระดับ HEPA นี้ออกไปได้เท่านั้นครับ

ดังนั้นจึงชัดเจนว่า ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER แล้วล่ะก็  มันสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่นละอองละเอียดที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ( ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯ อยู่นาะแหละ ) ได้อย่างจริงแท้ และแน่นอน  ซึ่งแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER ในปัจจุบัน ได้ถูกนำมาใช้กับในหลายวงการ หลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น ใช้ภายในบ้านพักอาศัย ใช้ในออฟฟิศสำนักงาน ใช้ในระบบการขนส่งมวลชนที่มี Transaction ของผู้คนเข้าออก หรือแออัดอยู่กันเยอะๆ เช่นบนรถไฟฟ้า , ห้องโดยสารของสายการบิน, การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า, การผลิตยา และที่สำคัญ ได้ถูกนำมาใช้ในวงการวิทยาศาสตร์ , ชีวการแพทย์ และวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างแพร่หลาย เช่นใช้ใน FUME Hood ตู้ดูดไอสารเคมีในห้อง Lab วิทยาศาสตร์ , ใช้ในโรงพยาบาล , ใช้ในห้องแยกโรค COHORT WARD , ใช้ในห้องทันตกรรม คลินิกศัลยกรรมความงามต่างๆ ที่ต้องการความสะอาด เพื่อปลอดเชื้อโรคให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

HEPA FILTER มีหลายขนาด เลือกใช้ให้เหมาะสมกับเครื่อง

แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter มีกี่ชนิด

อย่างที่บอกครับ ว่าการจะมาเป็น HEPA Filter ไม่ได้มาเป็นได้ง่ายๆ หรือ Spec ของแผ่นกรองอากาศ ที่ขึ้นชื่อว่าจะสามารถเป็น แผ่นกรองอากาศระดับ HEPA FILTER ได้นั้น จะต้องมีความสามารถในการกรองฝุ่นละเอียด ที่มีขนาดที่ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แผ่นกรองอากาศระดับ HEPA FILTER นั้น ก็ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่นมาตรฐานของ EU : EN779 ก็ได้แบ่งระดับของ HEPA ออกไปอีก 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ E10 Class : หรือ E10 HEPA Filter สามารถกรองฝุ่นละอองได้ 85% (ฝุ่นละออง มีโอกาสเล็ดลอดผ่านกรองออกไปได้ 15%)
  • ระดับ E11 Class : หรือ E11 HEPA Filter สามารถกรองฝุ่นละอองได้ 95% (ฝุ่นละออง มีโอกาสเล็ดลอดผ่านกรองออกไปได้ 5%)
  • ระดับ H12 Class : หรือ H12 HEPA Filter สามารถกรองฝุ่นละอองได้ 99.5% (ฝุ่นละออง มีโอกาสเล็ดลอดผ่านกรองออกไปได้ 0.5%)
  • ระดับ H13 Class : หรือ H13 HEPA Filter สามารถกรองฝุ่นละอองได้ 99.95% (ฝุ่นละออง มีโอกาสเล็ดลอดผ่านกรองออกไปได้ 0.05%)
  • ระดับ H14 Class : หรือ H14 HEPA Filter สามารถกรองฝุ่นละอองได้ 99.995% (ฝุ่นละออง มีโอกาสเล็ดลอดผ่านกรองออกไปได้ 0.005%)
การใช้ HEPA FILTER ในเครื่อง Fan Filter Unit (FFU) ดูดอากาศเข้าห้อง Clean Room

การดูแลรักษาแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER  

            โดยปกติแล้วกรองอากาศ HEPA FILTER ถ้าใช้งานแบบบ้านๆ ทั่วไป มีอายุการใช้งาน 4-5 ปี ตามแต่รุ่น (ให้ดูตามคู่มือการใช้งานของเครื่องที่ซื้อมา) แต่เราก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานมันได้บ้างนิดหน่อยโดยการหมั่นนำออกมาทำความสะอาด ข้อควรระวังคือ แผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER ทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) มันจึงแพ้น้ำ แพ้ความชื้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงที่จะให้มันโดนความชื้น หรือน้ำ เพราะความชื้นและน้ำ อาจจะเข้าไปกัดกร่อนเส้นใย Fiberglass หรือส่วนประกอบภายในอื่นๆ ของแผ่นกรองได้ ทางที่ดีควรใช้วิธีการนำเครื่องดูดฝุ่น มาดูดทำความสะอาด หรือใช้แปรงขนนุ่มๆ ทำความสะอาดในการปัดฝุ่นที่อยู่ในร่องให้ออกมา แล้วเคาะเบาๆ ให้เศษฝุ่นหลุดออกมาจากตัวแผ่นกรอง จะดีกว่า แต่ถ้าหากเครื่องฟอกอากาศตัวนั้น ถูกใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ควรจะเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ HEPA FILTER ตามที่กำหนดใว้ในคู่มือการใช้งานของเครื่อง หรือทุกๆ 1 -2 ปี (ตามความเหมาะสม ความหนักของการใช้งาน) เพื่อให้ HEPA FILTER กรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ

H13 HEPA FILTER สำหรับเครื่องฟอกอากาศ

จากการรวบรวมข้อมูลของผู้เขียน หว้งว่า คงจะได้ทำความเข้าใจ ได้รู้จัก HEPA FILTER กันไปพอสมควรนะครับนะครับ ในปัจจุบันนี้ยังมีเทคโนโลยี FILTER ชั้นสูงที่กรองอากาศได้ละเอียดยิบๆ กว่า HEPA FILTER อีก นั่นคือ ULPA (Ultra-Low Particulate Air) โดย Filter พวกนี้จะมีความสามารถในการกรองอนุภาคขนาด 0.12 Micron ได้ที่ 99.999995% หรือพลาดแค่ 0.000005% เท่านั้น ULPA FILTER ราคาสูงกว่า HEPA มั่กๆแน่นอน เพราะมันเหมาะสำหรับใช้ในการทำงานที่ต้องการความสะอาดสูงมาก ๆ เช่นห้องปฏิบัติการบางประเภท (ทั้งป้องกันอากาศภายนอกเข้าไปปนเปื้อน และ ไม่ให้อากาศปนเปื้อนข้างในออกมา) หรือพวก Cleanroom ที่ต้องการอากาศสะอาดสูงสุด เขาก็จะใช้ ULPA FILTER กัน เอาใว้มีโอกาศ ผมจะมาเขียนเรื่อง ULPA ให้อ่านอีกครั้งครับ สำหรับวันนี้ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันครับ

FAN FILTER UNIT สำหรับดูดอากาศเข้าห้อง Clean Room พร้อมกรองอากาศด้วย HEPA FILTER

ยินดีให้คำปรึกษาเรื่อง ระบบดูดอากาศ และ ระบบฟอกอากาศสำหรับห้องทันตกรรม ตามแบบปรับปรุง ก.45 เมย.63 กองแบบแผน กรม สบส. ครับ

กัมปนาถ ศรีสุวรรณ Tel. 097-1524554

id Line : Lphotline

email: LPCentermail@gmail.com

บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

Office Tel. 02-9294345 -6

Posted on

รู้มั้ยว่า “เครื่องวัดอุณหภูมิทางหน้าผาก” กับ “เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด” ต่างกันยังไง ?

ที่ใช้ๆ วัดไข้กันอยู่ รู้มั้ยว่า “เครื่องวัดอุณหภูมิทางหน้าผาก” กับ “เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด” มันต่างกันยังไง ?

หมายเหตุ: บทความนี้ จัดทำขึ้นมาเพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ Infrared Thermometer / Non Contact Thermometer

วันนี้ 4 กันยายน 2563 ได้ทราบข่าว คุณ DJ ที่เข้าเรือนจำคลองเปรม ตรวจพบว่าติดเชื้อ COVID-19 หลังจากที่เราไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมา 101 วัน พอดู Time Line การเดินทางของพี่ DJ แล้วก็นึกถึงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราลั้ลลากันมา 101 วัน การ์ดตกกันไปเยอะ คราวนี้ก็คงถึงเวลา ยกการ์ด ใส่หน้ากาก ล้างมือ กินร้อน ช้อนกู รักษาระยะห่าง Social Distancing ยิงหน้าผากด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ กันอีกรอบแล้ว

มาวันนี้ 21 ธันวาคม 2563 มาใหม่อีกแล้ว จังหวัดสมุทรสาคร Lock down แรงงานต่างด้าวติดเชื้อกันทะลุ แปดร้อยกว่าคน !!

ได้เวลายกการ์ด….หาของป้องกัน คัดกรองเชื้อโรคกันอีกแล้วซินะ

         พูดถึงไอ้เครื่องยิงหน้าผากวัดไข้ ที่โดนจ่อยิงเวลาเข้าร้านสะดวกซื้อต่างๆ  บางวันวัดไข้แล้วตัวเย็น บางวันวัดแล้วตัวร้อนซะงั้น วัดอุณหภูมิแต่ละที่ทำไมไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากันเลย งงมาก จะเชื่อถือได้มั้ยเนี่ย !!

K3 Non-Contact Infrared Thermometer

         ผลพวงมาจากในช่วงที่โรค COVID-19 ระบาดรอบแรก พวกเราก็ตกใจตื่นตัวกัน หน่วยงานต่างๆ ก็ไปตระเวนหาซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิ มาให้เจ้าหน้าที่ใช้จ่อหน้าผากคนที่มาเข้าออกสถานที่ในความรับผิดชอบกันเป็นอย่างเอาจริงเอาจัง จนไอ้เจ้าเครื่องยิงหน้าผากวัดไข้เนี่ยขาดตลาด ของในไทยขาดตลาด แถมเมืองจีนก็โรคระบาดหนัก โรงงานปิดผลิตไม่ได้ ยิ่งทำให้ไม่มีของ นาทีนั้นใครมีของใว้ใน Stock นี่ถือว่าเป็นพระเอกมากๆ เรียกราคาได้ พอเมืองจีนเริ่มกลับมาผลิตได้ ราคาก็ถีบตัวขึ้นไปแพงมากๆ จนจับต้องแทบไม่ไหว คนขายใจร้ายบางรายก็ดันไปเอา Infrared Thermometer ของปลอมแบบที่ใช้วงจรสุ่ม Random ตัวเลขอุณหภูมิหลอกๆ มาขาย ตามที่เป็นข่าวในสื่อต่างๆ มีผู้ที่หลงซื้อไปด้วยความไม่รู้ก็หลายราย  

        ผมนี้โชคดี การทำงานที่ผ่านมาของผม ทำให้ได้คลุกคลี ทั้งวงการเครื่องมืออุตสาหกรรม วงการเครื่องมือแพทย์ วงการรักษาความปลอดภัย และงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็เลยพอจะมีความรู้ในสิ่งที่มันเกี่ยวเนื่องกัน…วันนี้ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ ถึงเรื่องเครื่องวัดอุณหภูมิ Non Contact Infrared Thermometer และตัว IR Infrared Thermometer ที่เราเอามาใช้วัดไข้ คัดกรองผู้อาจติดเชื้อ COVID-19 ตัวร้อนเป็นไข้ กันอยู่ครับ

        เครื่องวัดอุณหภูมิที่เราเห็น และนำมาวัดไข้กันทุกวันนี้มันมีหลากหลายแบบ แต่ที่มีคนซื้อหามาใช้กันมากๆ มันมีอยู่ 2 แบบ แต่ด้วยความตระหนกตกใจที่เกิดจากการระบาดของโรครอบแรก เลยแห่ไปซื้อกันมาใช้ ก็ไม่รู้ว่าแบบที่ซื้อมามันถูกหลักการทำงานหรือเปล่า มันควรเอามาวัดไข้กันจริงๆ ใช่มั้ย ?  เอาละ การระบาดรอบใหม่ จะเกิดขึ้นหรือเปล่าไม่รู้ เผื่อว่าท่านผู้อ่าน อาจจะใช้ความรู้ที่ได้จากบทความนี้ ไปพิจารณาเลือกใช้เครื่องวัดอุณหภูมิได้ถูกต้องครับ

K3 Non Contact Infrared Thermometer ใช้วัดอุณหภูมิร่างกาย ทางฝ่ามือ และหน้าผาก (การวัดอุณหภูมิที่ดีควรวัดที่หน้าผาก)

       หลักการทำงานของเครื่องวัดอุณหภูมิ ถ้าเป็นชนิดมือถืออันเล็กๆ สีขาว ขอบสีฟ้า ขอบสีชมพู ขอบสีเขียว แบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 รอบแรก ไอ้แบบที่พนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ใช้จ่อหน้าผากเราก่อนเข้าร้าน หรือ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบด้ามเหลืองๆ หรือตัวเหลืองขอบดำ หรือตัวสีดำๆ แบบที่พวกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้ง 2 แบบนี้ใช้หลักการทำงานเดียวกัน โดยใช้ระบบตรวจจับ นับค่าปริมาณรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากวัตถุ ครับ

ทีนี้เรามาดูรูปลักษณ์ ที่จริงเขาก็ผลิตแยกมาให้เห็นความแตกต่างชัดเจนครับ ตามภาพ

Non Contact Infrared Thermometer เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้

       เครื่องวัดอุณหภูมิทางหน้าผาก (Infrared Non Contact Thermometer) แบบตัว สีขาวขอบฟ้า หรือขอบม่วง ฯลฯ อันนี้แหละใช้งานทางการแพทย์ ใช้วัดไข้ เมื่อเอามาวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก เครื่องจะวัดได้อุณหภูมิแกนกลางร่างกาย และเครื่องจะมีระบบคำนวณสมการ สามารถแยกแยะได้ ไม่ว่าจะวัดอุณหภูมิร่างกายขณะอยู่ในห้องแอร์ หรือนอกห้องแอร์ มันสามารถคำนวณให้ได้ (แต่อย่าไปวัดกลางแจ้งนะ เพราะระบบคำนวณมันจะเอ๋อๆ เพี้ยนๆได้) การใช้งานก็แค่เอาไปจ่อหน้าผากใกล้ๆ แล้วบีบปุ่มกดทีด้าม โดยเครื่องจะล็อคค่า Emissivity* การตรวจวัด ไว้ให้เหมาะสมกับคน ที่ 0.98 + – 0.02 และมีค่าความคลาดเคลื่อนของอุณหภูมิไม่เกิน + – 0.3 องศาเซลเซียส สามารถตั้งค่าการวัดอุณหภูมิ ได้ที่ช่วง 30 – 40 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าหากตรวจพบผู้ตัวร้อนเกินช่วงอุณหภูมิที่กำหนดตั้งค่าไว้ เช่นตั้งไว้ 37.5 องศาเซลเซียส ถ้าเครื่องตรวจพบผู้ที่อุณหภูมิสูงกว่าที่ตั้งไว้มันก็จะร้องเตือน และมีแสงสีกระพริบที่หน้าจอแสดงผล (การใช้งานควรหยุดพักเครื่องบ้าง ถ้าใช้งานถี่ๆ หนักๆ ระบบเครื่องอาจจะเอ๋อๆ ได้)

*Emissivity คือ ความสามารถในการสะท้อน รังสีอินฟราเรดของวัตถุ โดยผิวหนังมนุษย์จะมีค่า Emissivity = 0.98

Infrared Thermometer กับ Infrared Thermal Camera มันคนละอย่างกันนะ

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดสำหรับอุตสาหกรรม (Infrared Thermometer IR) แบบตัวสีเหลืองๆ หรือเหลืองปนดำ หรือตัวสีดำๆ บางตัวก็ตัวเล็กๆ บางตัวมันก็จะใหญ่ๆหน่อย ตัวแบบนี้ราคาแพงมากๆ ด้วยนะ มันเหมาะสำหรับงานใช้วัด วัสดุพื้นผิวด้านอุตสาหกรรม หรือไว้ส่องความร้อนของเครื่องจักร มอเตอร์ หรือเพลาขับ ที่กำลังหมุน ที่กำลังทำงานแล้วอาจเกิดความร้อน เครื่องแบบนี้สามารถวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ – 20 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 300 องศาเซลเซียส ในตอนนั้นที่โรค COVID-19 ระบาดรอบแรก ตัวเครื่องวัดอุณหภูมิแบบ Non Contact Thermometer ทางการแพทย์ขาดตลาด  ก็มีหน่วยงาน และอาคารสำนักงาน ห้างร้านจำนวนมาก ได้ซื้อเครื่อง IR In frared Thermometer แบบนี้ นำไปใช้วัดไข้แก้ขัด แบบขอให้มีใช้ตามมาตรการป้องกันฯ ไปก่อน อันที่จริงผิดครับ มันใช้วัดอุณหภูมิผิวหนังได้ก็จริง แต่มันใช้วัดไข้ไม่ได้ครับ ค่าความคลาดเคลื่อนมันเยอะ ถ้ามีไข้มันบอกไม่ได้นะครับ เอาเครื่องแบบนี้ไปใช้วัดในห้องแอร์แบบที่ห้างดังกลางกรุงใช้อยู่ หรือจะใช้วัดนอกห้องแอร์ มันก็วัดให้ได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่มันเพี้ยนเยอะ มันไม่แม่นยำ เครื่องแบบนี้ เอามาใช้วัดห่างๆ หน้าผากก็ยังไดครับ บางสถานที่ใช้ไอ้เครื่องสีเหลืองตัวใหญ่ๆ หรือสีดำตัวใหญ่ๆ ที่ใช้ตั้งบน Tripod 3 ขา ตั้งส่องคนเดินเข้าห้างเลยก็มี เครื่องแบบนี้ มันมีเลเซอร์กะระยะ ยิงออกไปด้วยนะ เล็งยิงส่องนำทางไปที่จุดที่ต้องการวัดอุณหภูมิได้เลย (แต่มันไม่ควรมาใช้กับคน) เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดสำหรับอุตสาหกรรมนี้ สามารถตั้งค่า Emissivity ได้ตั้งแต่ 0.10-1.00 ซึ่งนั่นทำให้สามารถใช้วัดวัสดุได้หลายอย่าง แต่มันจะไม่มีความละเอียด มันมีค่าความคลาดเคลื่อนของอุณหภูมิ ถึง + – 2 องศาเซลเซียส (คลาดเคลื่อนเยอะมาก ไม่แม่นยำแบบนี้วัดไข้ไม่เจอแน่นอน) และในการใช้เครื่อง Infrared Thermometer แบบใช้ในอุตสาหกรรมนี้ ส่องหน้าผาก แล้วพบว่ามีผู้อุณหภูมิสูงเกินกว่าที่กำหนด เครื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้แจ้งร้องเตือนอะไรนะครับ ผู้ใชงานต้องคอยดูหน้าจอ ดูตัวเลขอุณหภูมิเอาเอง (ก็เพราะมันไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้วัดไข้นี่นา) แต่ข้อดีของมันคือตัวเครื่องมันอึด ถึก ทนมากๆ ครับ เพราะมันเป็นเครื่องเกรดอุตสาหกรรม มันทน มันอึด ใช้งานทั้งวันก็ไม่เป็นไร

ได้อ่านมาจนจบถึงตรงนี้แล้ว ทีนี้เราก็ต้องมาเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกต้องกันล่ะครับ

การวัดไข้ที่จะให้แม่นยำถูกต้อง เราก็ควรเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกกับงาน ไม่เช่นนั้นเราก็อาจจะไม่รู้ว่า คนที่เดินเข้ามาให้ยิงหน้าผาก มีไข้ หรือ ไม่สบายรึปล่าว

(ในวันหน้า ผมจะมาเล่าเรื่องความแตกต่าง ระหว่าง Infrared Thermal Thermometer กับ Infrared Thermal Camera อีกทีครับ)

กัมปนาถ ศรีสุวรรณ (4/09/2563)

บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

Hotline : 097-1524554 id Line: Lphotline

Office : 02-9294345 Fax. 02-9294346

email : LPCentermail@gmail.com

ส่งมอบและแนะนำการใช้งาน K3 Non Contact Thermometer สินค้ารับประกัน 1 ปี และสามารถออกใบกำกับภาษีได้
เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยแสงรังสี UV-C ” Philips ” รุ่น Upper Air Ceiling Type ติดตั้งในร้านกาแฟ
Posted on

ค่า ACH ของเครื่องฟอกอากาศคืออะไร ทำไมเราต้องรู้ ??

เรื่องนี้ยาว…บอกใว้ก่อนเลย แต่สาระดีๆ ทั้งนั้น คิดจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ทำไมต้องรู้ค่า ACH (ค่า ACH คืออะไร ?)

RUIWAN ผู้เชี่ยวชาญระบบ ดูดละอองฝอยในอากาศ และฟอกอากาศ แบบเคลื่อนย้ายได้มากว่า 10 ปี

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักอย่างเช่น เชียงใหม่ ที่เต็มไปด้วย ควันพิษทั้งจากยานพาหนะที่คับคั่ง ควันพิษจากไฟป่า และฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่เป็นฝุนละอองขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ที่เกิดจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพิ้นฐานของเมือง การก่อสร้างอาคารสูง บรรดาบ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้ถนน ใกล้ทางด่วน และใกล้เขตก่อสร้างทางรถไฟฟ้า จะได้รับมลภาวะฝุ่นพิษเหล่านี้เข้าไปเต็มๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านที่ Open เปิดหน้าต่าง จะเห็นได้ง่ายมากๆ ว่าเราทำความสะอาดเช็ดถูอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น โต๊ะหรือตู้โชว์ไปแล้ว ทิ้งใว้แป๊ปเดียวแค่ 10 นาที พอกลับมากัมลงมองดูใกล้ๆ ก็จะเห็นฝุ่นขนาดเล็กๆ ลงมาเกาะพื้นผิวที่เพิ่งทำความสะอาดไป อ่ะ..ทำไงดี ถ้ายังงั้นปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เปิดแอร์ เชื่อมั้ยว่าขนาดปิดประตูหน้าต่างมิดชิด เปิดแอร์ ฝุ่นก็ยังมา มากันแบบฝุ่นเล็กๆ จิ๋วๆ ฝุ่นมา แบบเหมือนไม่มีอะไรกั้น เข้ามาได้ยังไง?? ก็เข้ามาตอนที่เราเปิดประตูเข้าๆ ออกๆ กันน่ะแหละ ฝุ่นบางตัวก็เล็กซะจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี่เนอะ

เชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และ เชื้อไวรัสต่างๆ เชื้อไวรัส COVID-19

คอลัมน์ข้างบนได้กล่าวถึงเรื่องเป็นแค่ฝุ่นที่เข้าตา เอ๊ย !! ไม่ใช่..ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทีนี้ก็มาเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน คือเชื้อโรคต่างๆ ที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศ เชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่ในโรงพยาบาล เชื้อโรคล่องลอยอยู่ในห้องทำฟัน เชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่ในคลีนิคหมอฟัน คลีนิคศัลยกรรม เชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่ในโรงแรม ในห้างสรรพสินค้า เชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่บนรถไฟฟ้า เชื้อโรคที่ล่องลอยอยู่ในบ้าน เอาเป็นว่าเชื้อโรคล่องลอยอยู่ทุกหนแห่งน่ะแหละ ป้องกันยังไงก็ไม่ได้ทุกที่หรอก ต้องทำใจ

จากที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เราต้องดิ้นรนดูแลตัวเองกันด้วยกำลังของตัวเอง ก็ทำให้เกิดความต้องการใช้เครื่องฟอกอากาศขึ้นมา ในที่นีี้ผมจะไม่กล่าวถึงแล้วว่าเครื่องฟอกอากาศเริ่มต้นมายังไงเพราะมีคนเขียนใว้เยอะแล้ว แต่ผมจะมากล่าวถึงการเลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งานกับขนาดห้องของเราดีกว่า เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป้นตัวช่วยในการตัดสินใจ ในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ตรงความต้องการใช้ และได้ประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับกำลังจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายครับ

อันดับแรกเลย ในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ เราต้องรู้ขนาดของห้องที่เราจะตั้งเครื่อง แล้วเราก็ต้องไปดูค่า ACH ที่ระบุใว้ที่เครื่องฟอกอากาศครับ อ้าวงานมา!! แล้วไอ้ค่า ACH ของเครื่องฟอกอากาศเนี่ย มันคืออะไร ?

เครื่องฟอกอากาศ ระดับใช้งานทางการแพทย์ (Medical Grade) สำหรับห้องทันตกรรม โรงพยาบาล และคลีนิค

ค่า ACH ของเครื่องฟอกอากาศคืออะไร ?

เอางี้ สมมุติว่าเราเดินเข้าไปใน Home Pro หรือ Power Buy นะ เดินๆไปตรงที่แผนกที่ขายเครื่องฟอกอากาศ เราก็จะเจอหลายยี่ห้อเลย เราก็จะงงๆ หน่อยว่า เขาเขียน Spec แปะที่เครื่องฟอกอากาศใว้ทุกตัวเลยว่า เครื่องตัวนี้แนะนำให้ใช้กับห้องขนาดพื้นที่ไม่เกินเท่านี้ แต่ว่าก็เจอแปลกๆอีก เครื่องที่มีขนาดพื้นที่ห้อง ที่แนะนำให้ใช้ใกล้เคียงกัน บางยี่ห้อตัวใหญ่บึ้มๆ พ่นลมแรง เครื่องทำงานเสียงดัง แล้วดันราคาแพงอีกด้วย แต่บางยี่ห้อ เฮ้ย !! ตัวเล็กนิดเดียว พ่นลมออกมาก็เบ๊าเบาเหลือเกิน แต่ราคาถูกดีเว้ย ที่มันเป็นเช่นนั่นก็เพราะแต่ละยี่ห้อ ใช้มาตรฐานในการวัดขนาดพื้นที่ห้อง กว้าง x ยาว x สูง ที่แตกต่างกันครับ (ณ จุดนี้ ผู้เขียนขอแนะนำว่าควรใช้หน่วยวัดเป็นเมตร ดีที่สุดครับ ผลลัพท์ที่ได้จะออกมาเป็น SQM ตารางเมตร)

ความงง เริ่มมาเยือนแระ เอางี้ หลับตา..นึกภาพสิ่งที่เราอยู่กับมันบ่อยๆ เช่นห้องนอนในบ้าน ห้องนอนในคอนโดฯ ของเรา สมมุติว่าห้องนี้เราติดแอร์ขนาด 12000 BTU ช่างแอร์ในตำนาน บางคนบอกว่า แอร์มันเล็กนะครับ ใช้ได้กับห้องขนาดไม่เกิน 24 SQM (ตารางเมตร) แต่ช่างแอร์ในตำนานบางคนก็ตะโกนแย้งมาว่า “ผมว่าไม่เล็กนะครับ” ห้อง 33 SQM ก็ใช้ได้ครับ ซึ่งเอาจริงๆแล้ว มันก็ใช้ได้กับห้องทั้ง 2 ขนาดแหละครับ เพียงแต่พอเราไปใช้กับห้องเล็กๆ มันก็เย็นเร็ว เย็นไว แถมเย็นฉ่ำอีกตะหาก แต่พอเอาไปใช้กับห้องใหญ่ๆ มันก็เย็นช้า แล้วก็รู้สึกเหมือนไม่ค่อยเย็นนัก

เครื่องฟอกอากาศ Medical Grade แบบใส้กรองถอดล้างได้ (Electrostatic Precipitator Filter)

การเลือกเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) วิธีคิด ก็คล้ายๆกันกับ การติดตั้งแอร์น่ะแหละครับ เราจะเอาเครื่องฟอกอากาศไปใช้กับห้องขนาดไหนก็ได้ จะเอาเครื่องเล็กๆ ที่มันเป่าลมออกเบาๆ ไปใช้กับห้องที่กว้างใหญ่ก็ได้ แต่ว่าเราอาจจะไม่รู้สึกว่าอากาศมันดีขึ้น แบบรู้สึกเหมือนอากาศไม่เห็นมันจะโดนฟอกเลยอ่ะ แต่ถ้าเทียบกับการที่เราเอาเครื่องฟอกอากาศตัวเล็กๆ เอาไปตั้งใช้ในห้องเล็กๆ เรารู้สึกว่า เฮ้ย !! อากาศมันสดชื่นอ่ะ อากาศมันโดนฟอกอ่ะ พอมันเป็นแบบนี้นะ พวกเครื่องฟอกอากาศแต่ละยี่ห้อ เค้าก็จะพยายามทำการช่วงชิงความได้เปรียบทางการตลาดขึ้น โดยยี่ห้อนึงเขาก็อ้างขนาดพื้นที่ใช้งานให้ใหญ่ๆ กว่ายี่ห้อคู่แข่งอื่นๆ ทั้งๆที่ความสามารถหรือประสิทธิภาพมันก็ใกล้เคียงกัน เกทับ บลัฟกันไป บลัฟกันมา ทีนี้ทางบริษัทแม่ Head Quarter ของแต่ละยี่ห้อที่ต่างประเทศเริ่มแย้งกันแระ ก็เลยมีคนที่ต่างประเทศกลุ่มนึง พยายามกำหนดมาตรฐานกลางบางอย่างออกมา เพื่อให้ลูกค้าผู้บริโภค ใช้เพื่อประกอบการพิจจารณาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และให้เกิดความเข้าใจตรงกันโดยทั่วไปในวงการเครื่องฟอกอากาศ แต่ในขณะเดียวกันมาตรฐานในแต่ละท้องถิ่นก็อาจแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย เช่นมาตรฐานของทางอเมริกา กับมาตรฐานของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงว่ามาตรฐานของใครผิดนะครับ เพียงแต่ว่าเราต้องมีความเข้าใจตรงกัน อย่างเช่นในตลาดประเทศไทยเรา มีเครื่องฟอกอากาศจากหลายประเทศหลายมาตรฐานเข้ามาจำหน่าย ลูกค้าผู้บริโภคก็อาจจะสับสนในการเลือกซื้อได้ ดังนั้นเราจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจหลักวิธีการคิดเอาใว้บ้างครับ ร่ายมาซะยาวขนาดนี้ ผู้อ่านคงบ่น 5555 เอ้า ACH คืออะไร บอกมาซะที

ACH ย่อมาจากคำว่า ” Air Change per Hour “ แอร์เชนจ์ เปอร์ ฮาวเออร์ คือ จำนวนรอบของการไหลเวียนอากาศ ที่ไหลผ่านเครื่องฟอกอากาศ ครบทั้งปริมาตรของห้องที่แนะนำ (ที่ความสูงของเพดานมาตรฐาน 2.4 เมตร) ต่อหนึ่งชั่วโมง นั่นคือถ้าเพดานห้องที่นำมาคิดสูงเกินกว่า 2.4 เมตร ค่า ACH ก็จะไม่ครงกับค่ามาตรฐาน

จำนวนรอบการไหลเวียนอากาศ 5 ACH = อากาศจะถูกกรองได้ทั่วทั้งห้องตามขนาดพื้นที่แนะนำภายใน 12 นาที หรือทำความสะอาด 5 รอบต่อ 1 ชั่วโมง
จำนวนรอบการไหลเวียนอากาศ 4 ACH = อากาศจะถูกกรองได้ทั่วทั้งห้องตามขนาดพื้นที่แนะนำภายใน 15 นาที หรือทำความสะอาด 4 รอบต่อ 1 ชั่วโมง
จำนวนรอบการไหลเวียนอากาศ 3 ACH = อากาศจะถูกกรองได้ทั่วทั้งห้องตามขนาดพื้นที่แนะนำภายใน 20 นาที หรือทำความสะอาด 3 รอบต่อ 1 ชั่วโมง


เอ้า…งงกันเข้าไปอีก ผมศึกษาทีแรกก็งง มึนตึ๊บ เหมือนกันครับ เอางี้ ดูตัวอย่างตามนี้นะนักเรียน 5555

Example One กรณีตัวอย่างที่ 1.
เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier ยี่ห้อ HERE CHING HA รุ่น HEA-1  ถูกระบุเอาใว้ข้างกล่องว่า ใช้ฟอกอากาศ สำหรับพื้นที่ 65 SQM ที่ 5 ACH
นั่นคือถ้านำเครื่องไปใช้ในพื้นที่ 65 ตร.ม. (SQM) ตามที่ระบุข้างกล่อง เครื่องก็จะกรองอากาศได้ที่ 5  ACH หรือ ใน 1 ชั่วโมงจะกรองอากาศได้ถึง 5 รอบ หรือใช้เวลาในการกรองอากาศรอบละ 12 นาที นั่นเอง แต่ ๆๆๆๆ … ถ้าเรานำเครื่อง HERE CHING HA รุ่น HEA-1 ตัวเดียวกันนี้ ยกไปตั้งไว้ให้กรองอากาศในอีกห้องที่มีขนาดห้องใหญ่ขึ้นถีง 108 SQM ประสิทธิภาพในการกรองอากาศของเครื่องตัวนี้ก็จะลดลง เหลือความสามารถในการกรองอากาศได้แค่ 3  ACH หรือ ใน 1 ชั่วโมงจะกรองอากาศได้เพียง 3 รอบ หรือใช้เวลาในการกรองอากาศนานขึ้นเป็นรอบละ 20 นาที


Example Two กรณีตัวอย่างที่ 2.
วันนึงเราเดินไปใน Home Pro หรือ Power Buy แล้วไปเจอเครื่องฟอกอากาศอยู่ 3 ยี่ห้อ ที่มีระบบการกรองอากาศ และเทคโนโลยี HEPA Filter หรือ Filter แบบอื่นที่เหมือนกัน แต่แนะนำให้ใช้ในขนาดพื้นที่ห้องต่างกัน ดังนี้
*(ใว้จะเขียนเรื่องเทคโนโลยี Filter เครื่องกรองอากาศอีกที)
ยี่ห้อ  HERE CHING HA   แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 19 ตร.ม. ที่ 5 ACH
ยี่ห้อ  I AM HERE  แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 38 ตร.ม. ที่ 2 ACH
ยี่ห้อ HERE      แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 35 ตร.ม. ที่ 3 ACH
ทีนี้ถ้าเราอยากรู้ว่ายี่ห้อไหน ให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูงกว่า เราก็ต้องมาเทียบที่ ค่า ACH เท่ากัน จึงคำนวณบัญญัติไตรยางค์ดูก็จะได้ตามนี้
ยี่ห้อ HERE CHING HA   แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 19 ตร.ม. ที่ 5 ACH        =    32 ตร.ม. ที่ 3 ACH
ยี่ห้อ I AM HERE  แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 38 ตร.ม. ที่ 2 ACH        =    25 ตร.ม. ที่ 3 ACH
ยี่ห้อ HERE        แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ 35 ตร.ม. ที่ 3 ACH        =    35 ตร.ม. ที่ 3 ACH
คำนวณออกมาแล้ว ยี่ห้อ HERE สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่ห้องมากที่สุด แสดงว่าน่าจะฟอกอากาศได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ ทีนี้เราก็ต้องเปรียบองค์ประกอบอื่นๆ เช่นเทียบเรื่องราคาเครื่อง ราคาไส้กรอง FILTER ที่ต้องเปลี่ยนตามรอบ การบริการหลังการขาย ฯลฯ ประกอบการพิจารณาต่อไป

เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อดังๆ ที่ขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนมากเขามักจะนำเครื่องของตัวเองไปทดสอบค่าประสิทธิภาพต่างๆ จากสถาบันที่น่าเชื่อถืออย่างเช่นสถาบัน AHAM (Association of Home Appliance Manufacturers) ซึ่งจะอ้างอิงถึงขนาดพื้นที่ ที่แนะนำใช้งานที่ 5 ACH จนเราอาจมองไปว่า ที่ค่า 5 ACH คือค่าที่เป็นมาตรฐานสำหรับสินค้าที่วางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา และมองรวมไปถึงเครื่องฟอกอากาศใน Model เดียวกันที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างยี่ห้อ Blue Air และ Honeywell ( 2 ยีห้อนี้ ดีนะ แต่แอบแพง)

ส่วนเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อดังทางฝั่งค่ายญี่ปุ่น ก็จะอ้างอิงมาตรฐาน JEMA (The Japan Electrical Manufacturers´Association) ของญี่ปุ่น ซึ่งจะอ้างอิงขนาดพื้นที่แนะนำใช้งานที่ 3 ACH อย่างเช่น Hitachi เปิดปุ๊ปติดปั๊บ , SHARP ก้าวล้ำไปในอนาคต, Toshiba นำสื่งที่ดีสู่ชีวิต.

สำหรับเครื่องฟอกอากาศที่มีขายในเมืองไทย มีการนำเข้ามาจากหลายแหล่ง มาจากค่ายหมวยแท้ๆก็เยอะ บางยี่ห้อก็อ้างอิงตามมาตรฐาน AHAM จากอเมริกา บางยี่ห้อก็อ้างอิงตามมาตรฐาน JEMA ญี่ปุ่น บางยี่ห้อก็ตามมาตรฐานของฝั่งประเทศแคนาดา ที่ 2 ACH ก็มี แต่ก็อาจจะมีบางยี่ห้อเหมือนกันที่มั่วๆ ค่าพื้นที่แนะนำขึ้นมาโดยไม่มีค่าอะไรมาอ้างอิงเลย 5555 (อันนี้นายแน่มาก) ที่ช่างกล้าทำแบบนี้ก็เพราะต้องที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวสินค้า ยี่ห้อของตัวเอง (แบบว่าอ้างอิงมาตรฐานที่มันสูงๆเข้าใว้) หรือเพื่อต้องการช่วงชิงความได้เปรียบทีทำให้ดูว่า ยี่ห้อของตัวเองให้ขนาดพื้นที่ห้องแนะนำที่มากกว่ายี่ห้อคู่แข่ง ทั้งๆที่แรงลมหรือค่า CADR ต่ำกว่า (ในกรณีที่อ้างอิงมาตรฐานต่ำๆ) ตัวย่อแปลกๆ มาอีกแระ ** CADR คืออะไรฟะ ?? งง…

** เอ้าหาข้อมูลมาใด้หน่อยนึง ว่างๆ ค่อยไปหาข้อมูลมาเพิ่มให้อีกที CADR = Clean Air Delivery Rate คือ อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธ์ เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่แท้จริงของเครื่องฟอกอากาศ โดยการนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการกับ ตัวอย่าง Test มาตรฐาน เช่น ควันบุหรี่ (Smoke), ฝุ่น (Dust) และ เกสรดอกไม้ (Pollen) โดยมีค่าหน่วยวัดมาตรฐานเป็น CFM (Cubic Feet per Minute)

ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศที่ขายๆอยู่ อาจจะพบว่าหลายยี่ห้อไม่ระบุให้ลูกค้าทราบถึงค่า ACH หรือค่า CADR แต่ลูกค้าเองก็อาจจะคำนวณเอาเองได้แบบคร่าวๆ คือ เอาขนาดแรงลมสูงสุดที่เครื่องสามารถทำได้เป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (CMH) มาหารด้วยขนาดพื้นที่ห้องที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำเป็นตารางเมตร (SQM) แล้วหารด้วยความสูงของเพดานห้องมาตรฐานที่ 2.4 เมตร ผลลัพท์ค่าที่ได้อาจจะเป็นจุดทศนิยม เช่น ค่าที่ได้ = 3.3 ก็ให้ปัดเศษจุดทศนิยมลงเป็น = 3 เพราะในความเป็นจริงจะต้องใช้ค่า CADR ในการคำนวณ (ซึ่งค่าปกติ จะมีค่าต่ำกว่าค่าแรงลม) แต่ในเมื่อเราไม่ทราบค่า CADR ก็ต้องใช้ค่าแรงลมมาเป้นค่าโดยประมาณแทน

ดังนั้นการที่เราจะเลือกว่า ควรจะนำค่ามาตรฐานขนาดเท่าใดมาใช้อ้างอิง จึงอาจจะต้องมองไปถึงภาพรวมของสภาพมลพิษอากาศโดยรวมในพื้นที่นั้นๆ ด้วย คือ หากพื้นที่ที่มีสภาพความรุนแรงของมลพิษอากาศมากๆ การเลือกค่าอัตราแรงลมที่เครื่องสามารถกรองสิ่งสกปรกได้ (CADR) และค่า ACH ที่มากๆ ยิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าจะต้องแลกกับราคาเครื่องฟอกอากาศที่สูงขึ้นด้วย ในทางกลับกันหากพื้นที่มีสภาพความรุนแรงของมลพิษอากาศต่ำๆ หรืออากาศในห้องนั้นค่อนข้างที่จะสะอาดอยู่แล้ว การลดขนาดของค่า CADR และ ACH ลงมาให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ พอสมควรกับสภาพความรุนแรงของมลพิษในห้องนั้น ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ ทั้งในระยะสั้น (ค่าเครื่องฟอกอากาศ) และระยะยาว (ค่า Filter ไส้กรองอากาศ ) *** แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศเทคโนโลยีใหม่ Electrostatic Precipitator (Filter กรองอากาศแบบถอดล้างได้) แบบที่ทางบริษัท ไลฟ์ โพรเทค นำเข้ามาขาย ลูกค้าก็ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยน Filter คุ้มระยะยาว !!

Remarks : บทความเรื่องนี้ ได้จากการที่ผู้เขียนศึกษาหาข้อมูล บางอันก็อ่านได้ความรู้มาจากท่านพี่ๆ ผู้มีประสบการณ์จากหลายๆที่ นำมารวมกับประสบการณ์ในการทำงานในเครือบริษัทข้ามชาติ สัญชาติอเมริกันขนาดใหญ่ ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายแรกของโลก ลิฟท์และบันไดเลื่อนรายแรกของโลก อีกทั้งได้คลุกคลีกับช่างระบบปรับอากาศ มืออันดับต้นๆ ของไทย มาหลายปี (ผู้เขียนอยู่ฝ่ายขาย) ยอมรับตรงๆ ว่าบางส่วนของข้อมูลก็ลอกเขามาบ้าง หลายสำนักหลายที่มาก็เลยไม่รู้จะให้ Credit พี่ๆ เขายังไง ก็ขอขอบคุณและให้ Credit พี่ๆใว้ ณ ที่นี้ (เอาเป็นว่ายอมรับตรงๆ ว่าบางส่วนก็ลอกเขามาครับ) ดังนั้นผู้อ่านโปรดพิจารณาในการอ่าน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากท่านผู้รู้ท่านอื่นด้วยนะครับ

กัมปนาถ ศรีสุวรรณ T. 063-7855159

Line iD : Lpcontact

Email: kumpanat.LPC@gmail.com

www.Lifeprotect.co.th

Posted on

ช่วงโควิด-19 ระบาด ถ้าปวดฟันหนัก อย่าทรมาน ไปหาหมอฟันได้

ทันตแพทย์สมาคมฯ ออกประกาศคู่มือทำฟัน

เชื่ออุปกรณ์เครื่องดูดละอองฝอยนอกช่องปาก แรงดันสูง ช่วยดูดละอองฝอย ณ จุดเกิดได้ ช่วยให้ไม่แพร่เชื้อโควิด

ขอย้ำ !! ถ้าปวดฟันหนัก อย่าทนทรมาน ให้ไปพบทันตแพทย์

ถ้าห้องฟันทุกห้อง มีความพร้อม มีอุปกรณ์ครบแบบนี้ ก็สามารถให้บริการทำหัตถการฟัน ที่มีการฟุ้งกระจายของฝอยละอองได้

24 เม.ย. 63 ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายกสำรองทันต์แพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประกาศ “แนวทางการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อทางทันตกรรม ในสถานการณ์ COVID-19” ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2563 ระบุว่า วัตถุประสงค์การออกประกาศในครั้งนี้ ทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ต้องการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน รวมทั้งทันตแพทย์ทั่วประเทศ จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดทำ “แนวทางการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อทางทันตกรรมในสถานการณ์ COVID-19” ซึ่งประกอบด้วยทันตแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ, ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และทันตกรรม เป็นที่ปรึกษา โดยจะมีการปรับปรุงแนวทางให้เหมาะสมกับสถานการณ์เป็นระยะ

ทั้งนี้ในส่วนของการสื่อสารสร้างความเข้าใจไปยังประชาชนนั้น เพื่อยืนยันว่ากระบวนการทำฟันมีความปลอดภัยสูง ทั้งต่อตัวผู้ป่วยที่มารับบริการทำฟัน และต่อทีมทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์ และบุคลากร เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ป่วยหลายคน ไม่กล้าเข้ารับการรักษาเพราะกลัวติดโรค ทั้งที่มีอาการปวดบวมและทรมาน ดังนั้น ทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย จึงจัดทำประกาศดังกล่าวขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รวมทั้งยกระดับคำแนะนำและข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง สำหรับทีมทันตแพทย์ในระหว่างให้การรักษา

Credit ข่าวจาก ทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทยฯ

สนใจเครื่องดูดละอองฝอยนอกช่องปากทางทันตกรรม และเครื่องฟอกอกาศกำลังสูงสำหรับห้องฟัน

ติดต่อคุณกัมปนาถ T.063-7855159 id Line: Lpcontact

ส่งมอบ และแนะนำการใช้งานเครื่องดูดละอองฝอยนอกช่องปาก RD80 ให้กองทันตกรรม

ยินดีให้คำปรึกษา วิธีการใช้งาน และการบำรุงรักษา การทำความสะอาด เครื่องดูดละอองฝอยนอกช่องปาก การเปลี่ยน Filter และชิ้นส่วนท่อทางดูด ข้อต่อ ต่างๆ ครับ

เครื่องฟอกอากาศกำลังสูง H13 HEPA FILTER ขนาดกำลังลมสูงสุด 1200 m3/H

Life Protect Company Limited.

Office: 02-9294345, 02-9294346

Hotline: 063-7855159

id Line: Lpcontact

email: kumpanat.LPC@gmail.com

www.Lifeprotect.co.th

Posted on

ห้องแรงดันลบ หรือ ห้องความดันลบสำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 คืออะไร

ห้องแรงดันลบ หรือ ห้องความดันลบสำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 คืออะไร

ช่วง 2-3 เดือนมานี้ เราๆ ท่านๆ คงจะได้ยินผ่านหู เคยอ่านผ่านตากันบ่อยๆ กับคำว่า ห้องแรงดันลบ, ห้องความดันลบ, ตู้เก็บตัวอย่างความดันลบ , เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ, เต็นท์ผู้ป่วยความดันลบ , COHORT WARD ..

ทำไมต้องความดันลบ แล้วความดันลบคืออะไร?  

เริ่มจากตรงนี้ก่อน…. เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนี้ต้นปี 2020 โลกเรา และประเทศไทยเรากำลังเกิดโรคระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ใช่ป่ะ แล้วอีเชื้อไวรัส COVID-19 เนี่ย มันเป็นเชื้อโรคอุบัติใหม่ที่สามารถแพร่กระจายได้ในอากาศได้ดีมากๆ มันน่ากลัวมากๆ เลย  การแพร่กระจายของเชื้อโรคในอากาศของเชื้อโรคนี้ ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญทางการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างมากๆในตอนนี้

นับถึงวันนี้ 30 เมษายน 2563 ที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลก ซึ่งตอนนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 3,220,268 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 228,224 ราย โดยประเทศไทยเรามีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 2,954 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 54 ราย ! (ข้อมูลวันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 15.00 PM) และยังมีสถิติของบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อจากการรักษาผู้ป่วย เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านสาธารณสุขจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ในการที่จะเข้ามาช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้  ห้องแยกโรคความดันลบ (Negative pressure room) จึงเกิดขึ้น ห้องนี้เป็นห้องที่สร้างขึ้นแบบพิเศษสุดๆ ในโรงพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วย และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยคุณสมบัติที่เป็นห้องปรับความดันอากาศภายในห้องให้ต่ำ ให้เป็น Negative  พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือใช้อุปกรณ์เครื่องมือปรับแรงดันบรรยากาศในห้อง ทำให้ห้องนั้นมีแรงดันบรรยากาศอากาศ ต่ำกว่าแรงดันบรรยากาศอากาศภายนอกห้อง (นั่นคือที่มาของคำว่า แรงดันลบ หรือ ความดันลบ) โดยห้องดังกล่าวมีความพิเศษ ดังนี้

–  ใช้ระบบควบคุมความดันบรรยากาศในห้องให้เป็นลบ ซึ่งการปรับความดันบรรยากาศภายในห้องให้เป็นลบ ( Negative ) หรือมีแรงดันบรรยากาศต่ำกว่าภายนอกห้องนั้น โรงพยาบาลบางแห่งได้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า  ต้องมีความดันบรรยากาศภายในห้อง AnteRoom ต่ำกว่าพื้นที่ข้างเคียงไม่น้อยกว่า 10 Pascal  และต้องมีความดันบรรยากาศภายในห้อง Isolate Room ต่ำกว่าพื้นที่ข้างเคียงไม่น้อยกว่า 20 Pascal เพื่อไม่ให้อากาศภายในห้องที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อน ไหลออกมาสู่ภายนอกห้อง ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ชื้อโรคที่อยู่ภายในห้องไม่ให้แพร่กระจายออกไปสู่อากาศภายนอกห้อง

                                       เครื่องสร้างอากาศแรงดันลบ (Negative Pressure Unit) ฝีมือคนไทย ราคาคนไทย์NPU (Negative Pressure Unit)

* Pascal ปาสคาล ในระบบ SI ความดัน มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร (N/m2) ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ปาสคาล” (pascal) นั่นคือ 1 pascal = 1 Pa = 1 N/m2 (บางครั้งเราอาจพบหน่วย ปอนด์ต่อตารางนิ้ว: lb/in2) แต่ 1 Pa เป็นขนาดที่เล็กมาก โดยทั่วไปเรามักพบขนาด 105 Pa ซึ่งเรียกว่า 1 bar ดังนั้น 100 Pa คือ 1 millibar.

ขอบคุณข้อมูลจาก : il.mahidol.ac.th

–   เครื่องดูดอากาศเสียให้เป็นอากาศดี หรือเครื่องสร้างอากาศความดันลบ (Negative Pressure Unit) คือ ระบบมอเตอร์จะดูดอากาศที่อาจมีเชื้อโรคเจือปน โดยมอเตอร์จะดูดอากาศผ่านเครื่องกรองอากาศ Pre Filter และ Medium Filter (เครื่องบางรุ่นมาพร้อมกับฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV อีกด้วย) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีแผ่นกรองคุณภาพสูงที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองอนุภาคขนาดเล็ก (HEPA Filter) เพื่อกรองเชื้อไวรัส ได้ถึง 99.995% และปล่อยออกมาเป็นอากาศดีสู่บรรยากาศภายนอกอาคาร   ด้วยประสิทธิภาพในการควบคุมการไหลเวียนของอากาศ และการกรองอากาศด้วยเครื่องสร้างอากาศความดันลบ จะสามารถจำกัดบริเวณการเคลื่อนของเชื้อโรคให้อยู่ในบริเวณที่ควบคุมในบริเวณจำกัดเท่านั้น ทำให้จุดต่างๆ ของโรงพยาบาลมีความปลอดภัย เพราะสามารถ “กักกันเชื้อโรค” ใว้ในบริเวณจำกัด

Deconta on Web-1

รูปแสดงเครื่องสร้างอากาศแรงดันลบ แบบเคลื่อนย้ายได้

ทีนี้หายสงสัย คลายข้อข้องใจกันแล้วใช้มั้ยครับ ว่าไอ้ห้องพักผู้ป่วยความดันลบ มันคือยังไง

ความจริงในระดับ Construction การสร้างห้องความดันลบมันไมได้มีแค่ตัวเครื่องสร้างบรรยากาศแรงดันลบอย่างเดียว มันยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมาก ทั้งการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ มีค่า Max Flow เป็น CMH และอัตราการไหลของลมเป็น CFM อย่างงี้  เรื่องของท่อส่งลมเอย เครื่องวัดแรงดันภายในห้องเอย การวัดแรงดันตกคร่อมเอย ใน Filter ก้ต้องมีการหา Pressure Loss มีการเทียบค่ามาตรฐาน MERV 7 -14 ,  ASHRAE 52.1-1992 มี Test Method โอ๊ย..วุ่นวายไปหมด ปวดหัว

เอาเป้นว่า..วันนี้ผมแนะนำให้แบบบ้านๆให้เข้าใจในขั้นต้นนะครับ เพราะถ้าจะเอาลึกลงไปในระดับการสร้างห้องความดันลบ เดี๊ยวผมจะโดนแย่งงานไปทำซะหมด

LP Deconta                                             

รูปแสดงเครื่องสร้างบรรยากาศแรงดันลบแบบเคลื่อนย้ายได้ สำหรับห้องขนาดเล็ก กลาง ใหญ่

  กัมปนาถ ศรีสุวรรณ  30/04/2563

  • ผู้จัดการบริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด
  • คณะทำงานศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกลาง  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ครูความปลอดภัย สมาคมการดับเพลิงและช่วยชีวิต (FARA)
  • ทีมสนับสนุนทางการแพทย์กรณีภัยพิบัติ DMAT  Thailand (TAFTA)
  • ผ่านการฝึกเป็นผู้อำนวยการ การเก็บกู้ภัยสารเคมี HAZMAT Decontamination (TAFTA)
  • ทีมค้นหาและกู้ภัย SAR 42 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ครูฝึก Basic Life Support Instructor (TRC Card) สมาคมโรคหัวใจ โควต้ากระทรวงมหาดไทย
  • ครูฝึกพนักงานรักษาความปลอดภัยชั้น 4 สถาบันรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)
  • Examiner ผู้ควบคุมสอบ ระดับ 4 สาขาป้องกันการสูญเสีย ธุรกิจค้าปลีก สมาคมผู้ค้าปลีกไทย (TRA /TPQI)
  • ASSESSOR ผู้ตรวจประเมินองค์กรรับรองสมรรถนะวิชาชีพ (TPQI)
  • คณะทำงาน ที่ปรึกษาการป้องกันการก่อการร้ายต่อพื้นที่เสียงในเขตเมือง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

**************************************

HotLine : 063-7855159

email: LPCenternail@gmail.com

id Line: Lpcontact

เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยรังสี UV-C แบบ Close Fixture สวยงาม ปลอดภัย เปิดเครื่องฆ่าเชื้อโรคได้ แม้ขณะมีคนอยู่ในห้อง
UV-C Upper Air Disinfection by Philips

Posted on

หลักในการเลือกซื้อเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อโรค (ULV Fogger) และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องหลักในการเลือกซื้อเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคภายในอาคาร และการเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการฉีดพ่น กันครับ

                รูปแสดงเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิดละอองฝอยละเอียด SF-130 และ SF-131

 

          ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคภายในอาคาร เป็นเพียงการฆ่าเชื้อโรคในวันนั้น และอาจจะมีเชื้อโรคเข้ามาอีกเมื่อใหร่ก็ได้ เช่นพ่นยาฆ่าเชื้อในอาคารวันนี้ พรุ่งนี้มีคนที่ติดเชื้อเข้ามาในอาคาร ไอที่พ่นไปเมื่อวานหมดความหมายทันที ต้องพ่นใหม่ ไอที่มาโฆษณาบอกว่าพ่นยาฆ่าเชื้อโรคแล้วพื่นที่จะสะอาดปราศจากเชื้อไป 30 วันนั้น อย่าไปเชื่อครับ โกหกทั้งนั้น ของจริงอยู่ได้ให้ถึง 7 วันก็ดีใจตายชักแล้ว

เอ้า.. มาเข้าเรื่อง

มีเรื่องร้อนๆ ในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน 2563 นี้ วงการบริษัท ที่รับฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคตามอาคารสถานที่ ต่างๆ และวงการจำหน่ายน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นเป็นเพราะสถานการณ์ โรคระบาด COVID-19 ทำให้เกิดการตื่นตระหนก ตกใจ Panic กันไม่เว้น แม้แต่ลูกเล็ก เด็กแดง ทำให้มีการติดต่อไปบริษัทต่างๆ ให้เข้าไปพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในบ้านที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม โรงแรม โรงงาน ห้างสรรพสินค้า ยอดจองคิวงานยาว ถึงขนาดผู้ให้บริการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบางรายถึงกับร้องว่าไม่เคยเจอกับเหตุการณ์จองคิวงานเช่นนี้มาก่อน

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ ผู้ประกอบการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ต่างคนต่างแย่งกันหาเครื่องมือมาเสริมทัพเพื่อรับงาน  หรือแม่แต่คนที่ทำธุรกิจอื่นๆอยู่ แต่ธุรกิจชะงักตัว ก็หันกระโดดเข้ามาสู่วงการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทำให้ Demand : Supply มัน Over รวนไปหมด

นั่นทำให้เกิดสิ่งที่ตามมาว่า

  • เครื่องฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคขาดตลาด และมีราคาสูงขึ้นถึง 150% (เมื่อตอนปี 2561 เครื่องพ่นยาแบบพ่นละอองฝอย ชนิดใช้ไฟฟ้า ULV Cold Fogger  ตัวยี่ห้อดีๆ ราคา 12,000.- ถึง 20,000.-บาท  ผู้จำหน่ายต้องอ้อนวอนขอให้ลุกค้าช่วยซื้อ มาวันนี้ 12 เมษายน 2563 รุ่นเดียวกันราคาขายพุ่งไป  28,000.-  ถึง 35,000.-บาท ผู้ซื้อต้องอ้อนวอน ขอให้ผู้ขายช่วยหาของมาขายให้ แถมยังต้องรอของอีกด้วย ไม่ใช่มีตังค์ กำเงินสดมาแล้วจะซื้อได้เลย ต้องรอ บางเจ้าถึงกับเปิด Pre-Order กันเป็นล่ำเป็นสันเลย
  • น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ก็พลอยขาดตลาดกลายเป็นของหายาก และมีราคาแพงตามขึ้นไปด้วย (ยี่ห้อดังจากเบลเยี่ยม ราคาขายพุ่งไปลิตรละ 5,000.-บาท)  BKC ก็ขาดตลาด
  • ชุด PPE ที่ใช้ในการสวมใส่ขณะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ก็ขาดตลาด และมีราคาสูงขี้นไปอีก 100% (เมื่อก่อนชุด PPE 3 M ใน HomePro วางขายใน Shelf ราคา 280.-บาท ยังเหลือเต็ม Shelf ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ตาม Shelf ไม่มีของต้องตามหาใน Facebook ตัวละ 600-650 ยังต้องยอมซื้อ)

ทำยังไงดีล่ะที่ เห็นเขารับงานกันจนสายโทรศัพท์แทบใหม้  คิวงานจองกันยาวยิ่งกว่างานโชว์ตัวน้อง Lisa Blackpink  เราก็อยากจะรับงานมั่ง ถ้าเป็นผู้ประกอบการฉีดพ่นน้ำยารายเดิม ที่มีประสบการณ์ มีความรู้ มีกลุ่มลูกค้าในมืออยู่แล้ว ก็ได้เปรียบเพราะมีทีม มีเครื่องมือที่ถูกต้องตามมาตรฐานสาธารณสุข มีแหล่ง Supply น้ำยาฆ่าเชื้อ อยู่แล้ว ก็จะหมุนๆ บุคคลากร เดินสายรับงานกันไป เหนื่อยเพิ่มขึ้นแต่รับทรัพย์กันไปเต็มๆ

แต่!!….ผู้ประกอบการที่เพิ่งกระโดดเข้ามาสุู่วงการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคล่ะ อยากรับงานเต็มแก่ เห็นเขารับงานกัน อยากรับงานจะแย่อยู่แล้ว เครื่องพ่นยาแบบ ULV Cold Fogger ก็หาไม่ได้สักที น้ำยาฆ่าเชื้อโรคก็แพงแสนแพง ด้วยความเป็นหน้าใหม่ ถ้าไม่มี Connection ก็โดนฟันหัวแบะ !! แต่.. อ่าห์..เหมือนพระมาโปรด นั่งไถๆ ส่องดู Facebook ส่อง Shopee, LAZADA เจอคนมาโพสท์ขาย กาพ่นสี พร้อมปั๊มลมมั่งละ, เครื่องพ่นแบบ Air Brush ตัวเล็กๆ มั่งละ, น้ำยาแอลกอฮอล์ มั่งล่ะ ยาฆ่าเชื้อโรคที่จดแจ้ง อย. วอส. มั่งล่ะ, ยาฆ่าเชื้อโรคที่จดแจ้งขึ้นทะเบียนปศุสัตว์ มั่งละ โฆษณากันยกใหญ่ว่า ทั้งหมดนี้มีของพร้อมส่ง

ถ้าท่านเจอเซลส์..ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ฉวยโอกาส โม้ๆ ไปเพื่อให้ลูกค้าเชื่อ ตัวเองได้ยอด ” โอ๊ยพี่ ไปรอของนาน ซื้อแพงทำไม ใช้กาพ่นสี ต่อปั๊มลม ใส่แอลกอฮอล์ ก็พ่นในอาคารได้เหมือนกันครับพี่  อีกรายก็ ” โห..ไอน้อง เครื่อง ULV Cold Fogger น่ะ รอของนาน แพงด้วย น้องใช้เครื่องพ่นเกษตรกรแบบที่พ่นในสวนนี่แหละ ปรับละอองให้ฝอยละเอียด ใช้ได้เหมือนกัน” เซลส์ได้กล่าวใว้

เอาละซิทีนี้..ตามที่เขาว่ามามันก็ฉีดพ่นออกมาได้จริงๆ นะ แต่เป็นการพ่นแบบสเปรย์พื้นที่ (Space Spray) มันเปียก เอ็งต้องสะกดชัดๆ ดูปากพี่ด้วยนะ ว่า “มันเปียก” ใช่ครับ ความละเอียดของละอองมันไม่ได้ มันหยาบเป็นหลักร้อยไมครอน มันไม่ได้มาตรฐานการฉีดพ่นภายในห้อง ภายในอาคาร  ตามที่สาธารณสุขแนะนำ ก็มันเป็นเครื่องกาพ่นสี เป็นเครื่องพ่นยาศัตรูพืช ละอองมันออกมาหยาบ พื้ินของบ้านลูกค้า พื้นออฟฟิศลูกค้าเปียกหมด พรมก็เปียกแฉะ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำยาจะสูง (550 cc./นาที) บางรายพ่นไปเผลอไปทำเอกสารลูกค้าเปียกด้วย ที่ Print มาเยิ้มไปหมด  โอ๊ย !! เปียกเห็นชัดๆเลย OK ไอ้แบบนี้ถ้าเอาไปพ่นภายนอกอาคารมันได้ ไม่เป็นไร (แต่เปลืองน้ายา) แต่ถ้าพ่นภายในอาคาร มันไม่ได้ครับ มันไม่เหมาะต่อการหวังผลฆ่าเชื้อภายในอากาศ มันไม่ Aerosol

พล่ามมาตั้งนาน  เอางี้ หลักในการเลือกใช้เครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อโรค แบบพ่นละอองฝอยละเอียด (ULV Cold Fogger) มีดังนี้

                 รูปแสดงเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิดละอองฝอยละเอียด แบบไร้สาย (ใช้ ฺBattery)

 

หลักการเลือกใช้เครื่องพ่นยาแบบหมอกละอองฝอย ULV Cold Fogger    (ย้ำนะครับว่า ต้องเป็นเครื่อง ULV Cold Fogger ของแท้)

  • มีแรงดันต่ำ และค่าขนาดเม็ดน้ำยาที่เครื่องผลิตได้  Volume Median Diameter (VMD) ควรมีขนาดใหญ่สุดต้องไม่เกิน 60 um (ไมครอน) * แต่ที่ผู้เขียนใช้งาน จะปรับตั้งค่าละอองใช้งานใว้ที่ 20-30 um
  • เครื่องพ่นฝอยละอองนี้ ขนาดเม็ดน้ำยาที่ดีที่สุดควรเป็น 5-27 um เพราะฉะนั้น ค่าเฉลี่ยที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ใช้บอกคุณภาพเครื่องว่าผลิตเม็ดยาที่มีคุณภาพสูงสุด คือค่า VMD = 27 um หรืออาจจะพูดได้ว่า ร้อยละ 85 มีขนาดเม็ดน้ำยาเล็กกว่า 27 um ซึ่งอาจหมายถึง กว่าร้อยละ 99 ของละอองน้ำยาที่มีขนาดฝอยละอองละเอียดในอากาศ (Aerosol) ละอองไม่เกิน 50 um จะลอยฟุ้งในบรรยากาศได้นาน ใช้ประโยชน์จากละอองน้ำยาทุกเม็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ขณะพ่นต้องปิดประตู หน้าต่างให้หมด และเป็นการพ่นแบบละอองในอากาศ (Aerosol) เพื่อต้องการกำจัดเชื้อโรคที่แพร่มาทางอากาศ (Airborne)

Droplet _Air Boneรูปแสดง DropLet และ AirBorne (Credit รูปภาพจาก Page Rational Drug Use)

   หลักในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อโรค

ให้ดูลักษณะทางกายภาพ และเอกสารประกอบ ดังนี้

1. ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง (ไม่ใช่ทะเบียน ปศุสัตว์, ประมง)
2. มีเอกสาร MSDS หมายถึงเอกสารที่แสดงข้อมูลของสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของสารนั้นๆ
3. มีผลทดสอบประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อจากสถาบันวิจัยที่น่าเชื่อถือรับรอง โดยจะต้องสามารถทำลายเชื้อได้อย่างครอบคลุม (ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา) ภายในเวลาที่กำหนด
4. มีผลทดสอบรับรองความปลอดภัย ค่าความเป็นพิษเฉียบพลัน LD50 และ skin test ต้องมีความเป็นพิษต่ำ (>2000mg./kg)
5. พิจารณาจากทางกายภาพ ต้องไม่มีกลิ่นฉุนรุนแรง ไม่ระคายเคืองผิวหนัง ไม่กัดกร่อนวัสดุ ไม่จุดติดไฟ
6. พิจารณาจากคุณสมบัติ ต้องสามารถย่อยสลายได้ ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม
7. มีอัตราส่วนเพื่อการใช้งานที่แน่นอน วิธีการใช้ที่ไม่ยุ่งยาก ถูกต้องตามหลัก Infection Control

8. หลีกเลี่ยงสารที่นิยมใช้ในการฆ่าเชื้อโรคทางด้านปศุสัตว์ ใช้ในคอกสัตว์เลี้ยง เช่น กูลตารัลดีไฮด์ ฟอมัลดีไฮด์ ฟีนอล (หลายองค์กรยังหลงใช้สารเหล่านี้มาทำการฉีดพ่น)

9. ผู้ขายและผู้ให้บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ต้องมีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำที่ถูกต้องได้

      สรุป

การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ควรพ่นในสถานที่ปิด ก่อนพ่นปิดหน้าต่างให้เรียบร้อย เก็บเอกสารสำคัญ และคลุมเครื่อง Computer กันพลาด (เครื่องคอมพิวเตอร์ ค่อยเอาผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อโรค บิดหมาดๆ เช็ดเอา) ขณะทำการฉีดพ่นห้ามมิให้คนหรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในห้อง หรือในอาคาร ฉีดพ่นเสร็จแล้ว ปิดประตูห้อง ปิดอาคาร ทิ้งใว้ 1-2 ชั่วโมง ถึงจะกลับเข้าไปใข้พื้นที่ได้

การมอบหมายให้พนักงาน เข้าไปฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในอาคาร ควรใช้คนให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเพิ่ม และการฉีดพ่นต้องมีระยะเวลาการฉีดที่เหมาะสม ให้ละอองน้ำยากระจายไปทั่วห้อง ไม่รีบเร่งเดินฉีดเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป  และเมื่อปฏิบัติการฉีดพ่นฯ เสร็จ ให้รีบทำการ Decontamination ผู้เข้าปฎิบัติการฉีดพ่น ก่อนที่จะถอดชุด Level C ออก (กรณีใส่ชุดอวกาศ Level C ทำการฉีดพ่นยา) และถ้าหากชุดอวกาศ เป็นแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single Use / Disposable) ให้นำชุดที่ถอดใส่ถุงขยะสีแดง (ถุงขยะปนเปื้อน) เพื่อเวลานำไปทิ้งถังขยะ และคนเก็บขยะมาเก็บ เขาจะได้รู้ว่าถุงขยะใบนี้ปนเปื้อน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

เทคนิคการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแบบละอองฝอย เป็นการลดปริมาณเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค ต่างๆในพื้นที่ลงเท่านั้น เพือให้เป็นการง่ายต่อการควบคุมโรคในพื้นที่นั้นๆ เป็นการควบคุมโรคไม่ให้เกิดเชื้อปนเปื้อนในพื้นที่ และไม่ควรพ่นยาฆ่าเชื้อโรคใส่ตัวคนที่ติดเชื้อโดยตรง (ตามที่กรมอนามัยออกมาเตือน)

ที่จริงแล้วเราควรแนะนำลูกค้าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ชุบผ้าสะอาดทำความสะอาดเช็ดถูจุดสัมผัส ภายในบ้าน ภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ เช่นบริเวณลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟท์ ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดฝอยละอองกระเด็นจากสารคัดหลั่ง (Droplet)

Droplet คือปัญหาที่แท้จริงของการระบาดของโรคที่มีฝอยละอองกระเด็นของสารคัดหลั่ง เป็นตัวที่ทำให้ติดต่อระหว่างคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง ฉะนั้นการการกำจัดเชื้อ เพื่อป้องกันและควบคุมโรค ด้วยการทำความสะอาด เช็ด ถู แช่ ล้างอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีการสัมผัสหรือใช้ร่วมกัน เป็นวิธีการกำจัดเชื้อ Covid-19 ที่มีความสำคัญอย่างมาก

ดังนั้น ท่านอย่าไปคิดว่าการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้ว จะสามารถกำจัดเชื้อ Covid-19 ได้ 100%  มันมีระยะเวลาหลังจากฉีดพ่นไปแล้ว 5-7 วัน แต่ถ้าภายในช่วงนั้นมีคนติดเชื้อเข้ามาในพื้นที่ ในพื้นที่นั้นก้เสี่ยงต่อการมีเชื้อล่องลอยอยู่ครับ

การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรค เป็นการกำจัดเชื้อเพื่อป้องกันเท่านั้น

  หมายเหตุ: 

  • ลูกค้าควรขอเอกสารรับรอง และสอบถามข้อมูลต่างๆ จากผู้ขายหรือผู้ให้บริการให้ชัดเจน ครบถ้วน
  • อย่าให้ประเด็นเรื่องราคาค่าฉีดพ่นต่อตารางเมตร ทีมักมีบริษัทรับฉีดพ่นยาฯ เสนอราคามาต่ำแสนต่ำ จนท่านไขว้เขว แล้วนำเรื่องราคา มาเป็นเหตุผลหลักในการพิจารณาเลือกซื้อ เลือกใช้บริการการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคนะครับ
  • งานบริการด้านการควบคุม และป้องกันเชื้อโรคเป็นงานละเอียดอ่อน ก่อนใช้จ่าย ควรคิดให้รอบคอบครับ
                                 เครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิดละอองฝอยละเอียด แบบไร้สาย

         

            กัมปนาถ ศรีสุวรรณ  12/04/2563

  • ผู้จัดการบริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด
  • คณะทำงานศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกลาง  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ครูความปลอดภัย สมาคมการดับเพลิงและช่วยชีวิต (FARA)
  • ทีมสนับสนุนทางการแพทย์กรณีภัยพิบัติ DMAT  Thailand (TAFTA)
  • ผ่านการฝึกเป็นผู้อำนวยการ การเก็บกู้ภัยสารเคมี HAZMAT Decontamination (TAFTA)
  • ทีมค้นหาและกู้ภัย SAR 42 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ฺครูฝึก Basic Life Support Instructor (TRC Card) สมาคมโรคหัวใจ โควต้ากระทรวงมหาดไทย
  • ครูฝึกพนักงานรักษาความปลอดภัยชั้น 4 สถาบันรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)
  • Examiner ผู้ควบคุมสอบ ระดับ 4 สาขาป้องกันการสูญเสีย ธุรกิจค้าปลีก สถาบันปัญญาภิวัฒน์ และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย (PIM/TRA /TPQI)
  • ASSESSOR ผู้ตรวจประเมินองค์กรรับรองสมรรถนะวิชาชีพ (TPQI)
  • คณะทำงาน ที่ปรึกษาการป้องกันการก่อการร้ายต่อพื้นที่เสียงในเขตเมือง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

*************************************************

Posted on

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 คืออะไร

วันนี้ 20 ธันวาคม 2563 จังหวัดสมุทรสาคร สั่ง Lock Down แล้ว ดูแลตัวเองกันนะครับ

บทความ โดย ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

      การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (novel coronavirus 2019, 2019-nCoV โควิด-19 ) คือไวรัสที่ ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ (pneumonia)  ในเมืองอู่ฮั่น (Wuhan) มณฑลหูเป่ย (Hubei) ประเทศจีน เริ่มจากช่วงปลายปี ค.ศ. 2019 จนถึงปัจจุบัน

     ในช่วงแรกคาดว่า เป็นการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน เมื่อมีข่าวการระบาดนี้ ทั่วโลกก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะมีประสบการณ์มาจากโรคทางเดินหายใจร้ายแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรน่า ได้แก่ โรคซาร์ (severe acute respiratory syndrome, SARS) ที่ระบาดในช่วงปี ค.ศ. 2002-2003 ซึ่งมีสาเหตุจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ SARS-CoV ที่เป็นไวรัสโคโรน่าข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่าน civet cat (ชะมด) มาติดเชื้อในคน โดยเริ่มระบาดจากประเทศจีนและกระจายไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่าแปดพันคน อัตราการตายร้อยละ 10 และเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ในผู้สูงอายุ

     ต่อมาในปีค.ศ. 2012-2014 ก็มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ชื่อ Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV) ที่เป็นไวรัสโคโรน่าข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านอูฐมาติดเชื้อในคน เริ่มจากผู้ป่วยในประเทศซาอุดิอาราเบีย มีผู้ติดเชื้อรวม 1,733 คน อัตราการตายร้อยละ 36

    ไวรัสโคโรน่า เป็นไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ และมีเปลือกหุ้มด้านนอกที่ประกอบด้วยโปรตีนคลุมด้วยกลุ่มคาร์โบไฮเดรทเป็นปุ่มๆ (spikes) ยื่นออกไปจากอนุภาคไวรัส ทำให้เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จะเห็นเป็นเหมือนมงกุฎ (ภาษาลาติน corona แปลว่า crown หรือ มงกุฎ) ล้อมรอบ จึงเป็นที่มาของชื่อเชื้อไวรัสในกลุ่มนี้ที่มีสมาชิกหลากหลาย ติดเชื้อก่อโรคได้ทั้งในคน และสัตว์หลายชนิด เช่น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (ม้า วัว แมว สุนัข ค้างคาว กระต่าย หนู อูฐ และสัตว์ป่าอื่นๆ) และสัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู  ดังนั้น ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อโรคในสัตว์ทั้งระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร อาจแพร่มาสู่คนและก่อโรคในคนได้ (zoonotic infection)

      ไวรัสโคโรน่าถูกแบ่งเป็น 4 ยีนัสคือ  Alphacoronavirus, Betacoronavirus, Gammacoronavirus และ Deltacoronavirus โดยไวรัสโคโรน่าที่ก่อโรคในคนที่ทำให้มีอาการของระบบทางเดินหายใจที่ไม่รุนแรง และมักมีการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ จัดอยู่ในยีนัส Alphacoronavirus ส่วนไวรัสโคโรน่าที่ก่อโรครุนแรงในคนและข้ามสปีชีส์มาจากสัตว์ เช่น SARS-CoV และ MERS-CoV จัดอยู่ในยีนัส Betacoronavirus

                                                                                 K3 Non Contact Thermometer

     

      ไวรัสโคโรน่ามีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอจึงมีโอกาสกลายพันธุ์สูง และสามารถก่อการติดเชื้อข้ามสปีชีส์ได้มากขึ้นในสถานที่ที่นำสัตว์เหล่านี้มาอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น ดังเช่น ในตลาดค้าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ SARS-CoV จาก civet cat สู่คน

      สถานการ์ณการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ 2019-nCoV จากประเทศจีน นับจากที่มีการรายงานครั้งแรกเมื่อ 31 ธันวาคม คศ. 2019 นั้น พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่ไม่รู้สาเหตุในเมืองอู่ฮั่นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ต่อมาได้มีการรายงานเป็นทางการเมื่อ 3 มกราคม คศ. 2020 ว่าโรคปอดอักเสบที่ระบาดที่อู่ฮั่น มีสาเหตุจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (novel coronavirus 2019, 2019-nCoV) และพบการแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้

      ประเทศจีนได้ทำการสืบสวนหาแหล่งแพร่เชื้อของการระบาดในครั้งนี้ที่เมืองอู่ฮั่น จากผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกที่เป็นคนงานและลูกค้าของตลาดขายส่งอาหารทะเลฮั่วนาน (Huanan Seafood Wholesale Market)  โดยที่ตลาดสดนี้ นอกจากขายอาหารทะเลแล้ว ยังขายเนื้อสัตว์ และสัตว์ที่ใช้ทำอาหารที่ยังมีชีวิต เช่น เป็ด ไก่ ลา แกะ หมู อูฐ สุนัขจิ้งจอก งู แบดเจอร์ หนูอ้น เฮดจ์ฮอก แต่ระยะแรกตรวจไม่พบเชื้อ 2019-nCoV ในตัวอย่างตรวจจากสิ่งแวดล้อมและอาหารทะเลที่ได้จากตลาดขายส่งอาหารทะเลฮั่วนาน อย่างไรก็ดี พบผู้ป่วยที่มีประวัติว่าไม่ได้เข้าไปที่ตลาดแห่งนี้เลย

        รายงานผลการตรวจหาลำดับเบสของสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอส่วนเปลือก (glycoprotein spikes) ของเชื้อ 2019-nCoV (MN908947) ที่ได้จากผู้ป่วย พบว่าไวรัสนี้อยู่ในยีนัส Betacoronavirus ซึ่งเป็นยีนัสเดียวกับ SARS-CoV และ MERS-CoV ซึ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาจากคนและสัตว์ต่างๆ จำนวน 271 สายพันธุ์ พบว่าเชื้อ 2019-nCoV เป็นไวรัสที่เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมระหว่างไวรัสโคโรน่าของค้างคาวกับไวรัสโคโรน่าของงูเห่า (Chinese cobra, Naja Atraจึงทำให้ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้แพร่เชื้อข้ามสปีชีส์จากงูเห่ามายังคนได้ โดยเริ่มแรกจากคนงานและลูกค้าในตลาดเริ่มติดเชื้อก่อน และต่อมาเชื้อมีการกลายพันธุ์มากขึ้น จึงสามารถติดต่อจากคนสู่คน

    รายงานถึงวันที่ 24 มกราคม คศ. 2020 มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีนจำนวน 571 ราย เสียชีวิต 18 ราย โดย 17 รายอยู่ในเมืองอู่ฮั่น และอีก 1 ราย เสียชีวิตนอกเมืองอู่ฮั่นที่มณฑลเหอเป่ย์ (Hebei)  ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ

    รายงานการพบผู้ติดเชื้อ 2019-nCoV นอกประเทศจีนจำนวน 10 ราย คือจากประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า และล่าสุดจากสหรัฐอเมริกา โดยทั้งหมดมีประวัติการเดินทางจากเมืองอู่ฮั่น และในประเทศจีนเองก็มีการรายงานผู้ติดเชื้อ 2019-nCoV ที่เมืองอื่นนอกจากอู่ฮั่นแล้ว เช่น กวางตุ้ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น

     จากการประชุมขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่  23 มกราคม คศ. 2020 ได้แถลงว่า ตอนนี้จะยังไม่ประกาศ Global health emergencies โดยให้มีการป้องกันระมัดระวังอย่างพิเศษในพื้นที่การระบาดของประเทศจีน ซึ่งทางประเทศจีนได้ประกาศปิด (lockdown) เมืองอู่ฮั่น ควบคุมการเดินทางจากเมืองนี้ และได้ขยายมาปิดเมืองหวงกาง (Huanggang) ที่อยู่ติดกับอู่ฮั่นห่างออกมาทางตะวันออก 30 ไมล์ และจะไม่มีการฉลองเทศกาลตรุษจีนในที่สาธารณะของกรุงปักกิ่ง

      การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) ประกอบด้วย

  1. การหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น
    2. หากไปประเทศจีนมาในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทางด้วย
    3. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด ในที่ชุมชนควรสวมหน้ากากอนามัย
    4. อยู่ห่างจากผู้มีอาการของทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม
    5. หมั่นล้างมือด้วยสบู่และให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ
    6. ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น

สามารถติดตามสถานการ์ณการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) ได้ที่ website ขององค์การอนามัยโลก (https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019)

ข้อมูล 24 ม.ค. 63

Credit : ขอขอบคุณบทความจาก : SIRIRAJ ONLINE  www.simahidol.ac.th

โฆษณา : บริษัท ไลฟ์ โพรเทค จำกัด

    จำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ กำลังสูง ระดับ Medical Grade เพื่อใช้ฟอกอากาศในโรงพยาบาล และสถานที่ต่างๆ

สอบถามข้อมูลเครื่องฟอกอากาศทางการแพทย์ เพิ่มเติม ติดต่อ คุณกัมปนาถ 

Hotline T.097-1524554

Office Tel.02-9294345 – 6

email: LPCentermail@gmail.com

id line : Lphotline

ตู้อบฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV-C (Philips UV-C Chamber)
ส่งมอบ และแนะนำวิธีการใช้งาน ตู้อบฆ่าเชื้อโรคเครื่องมือแพทย์ ด้วยแสงรังสี UVC PHILIPS ให้กับบุคลากรโรงพยาบาล